เห็นชาวบ้านจาก ๓ จังหวัดภาคใต้คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ดูมีความสุขไร้แวววิตกทุกข์ร้อนไม่มีอาการเครียดให้ปรากฏเท่ากับจะบอกว่า มีความพึงพอใจกับแนวทางที่นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ใช้เป็นนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหา ๓ จังหวัดภาคใต้ระดับหนึ่ง“เศรษฐกิจปากท้องนำการเมือง-การทหาร”นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไป ๓ จังหวัด โดยไล่ไปทีละจังหวัดตั้งแต่ปัตตานี ยะลา จบด้วยนราธิวาส ๓ วัน ๒ คืน โดยพักค้างคืนที่ปัตตานีและเบตงถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกในรอบ ๑๐ ปี ที่ได้พักค้างคืนในพื้นที่ซึ่งเป็นเขตอันตรายเนื่องจากเกิดปัญหาก่อความไม่สงบพื้นที่ ๓ จังหวัดนี้มีประชากรทั้งไทยพุทธ-ไทยมุสลิมได้เกิดปัญหาขัดแย้งทางความคิด มีบางกลุ่มต้องการแยกตัวเป็นอิสระ บางกลุ่มต้องการปกครองตนเอง ทำให้เกิดสถานการณ์ความไม่สงบมานานแล้วรัฐบาลต้องเสียงบประมาณเพื่อปราบปรามไปหลายแสนล้านบาท ประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมากผู้คนจากพื้นที่อื่นๆไม่กล้าที่จะเดินทางไป เนื่องจากเกรงจะได้รับอันตรายรัฐบาลหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา แก้ปัญหาด้วยการใช้การทหารนำด้วยการใช้อาวุธเข้าปราบปรามเป็นหลักแต่ระยะหลังเริ่มมีการเจรจาโดยมีประเทศเพื่อนบ้านเป็นผู้ประสานงานให้ตัวแทนของทั้ง ๒ ฝ่าย ได้พบปะพูดคุยกันในมาเลเซีย เป็นการเจรจา ๓ ฝ่ายที่เรียกกันว่า เจรจาสันติสุขนั่นทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับทว่าการพูดคุยกันนั้น ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบจะเป็นฝ่ายกำหนดวาระและเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้ฝ่ายรัฐบาลปฏิบัติตามในช่วงเทศกาลสำคัญหรือวันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามก็จะก่อเหตุที่เรียกกันว่า “ก่อความไม่สงบ” เหตุใหญ่บ้างเล็กบ้างเป็นอย่างนี้มาอย่างยาวนานมีการเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการให้การทหารนำ โดยให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง เพราะเห็นว่าเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่สันติภาพได้แต่รัฐบาลยังคงใช้นโยบายที่เคยปฏิบัติมาแต่มุ่งไปที่การเจรจามากขึ้น ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาระดับหนึ่งพูดง่ายๆว่า ไม่ยอมให้ตั้งรัฐอิสระไม่ยอมให้ปกครองตนเองแต่ให้อีกฝ่ายยุติการสร้างสถานการณ์ที่รุนแรงและหันมาเจรจาเป็นด้านหลัก พร้อมกับให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนซึ่งดูจากความเป็นจริงแล้ว แม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่ไม่สามารถยุติปัญหาได้ ประเด็นก็คือ ประชาชนใน ๓ จังหวัดภาคใต้ ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวและมีปัญหาด้านการทำมาหากิน ทำให้เศรษฐกิจมีปัญหาทั้งๆที่มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งแต่ไม่ค่อยมีคนอยากไปเที่ยว เพราะความหวาดกลัวโครงการนำร่องของรัฐบาลด้วยการใช้เศรษฐกิจปากท้องนำการเมือง-การทหาร แค่เริ่มต้นดูเหมือนจะทำให้ประชาชนที่นั่นดูจะมีความสุขและมีความหวังอย่างชัดเจนอีกทั้งสถานการณ์ต่างๆก็ดีขึ้นดูแล้วแนวทางนี้ถ้ารัฐบาลสานต่อและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างชัดเจน เพราะประชาชนใน ๓ จังหวัดเขาจะจัดการปัญหาเองได้ความไม่สงบคงจะจบลงในอีกไม่นานนี้!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม
Related posts