Thursday, 19 December 2024

“เศรษฐา” สวมผ้าไหมแพรวา ลั่น ศักยภาพ จ.กาฬสินธุ์ ต้องถูกฉายมากกว่านี้

นายกรัฐมนตรี สวมผ้าไหมแพรวา หารือการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแลนด์มาร์ก และจุดแวะพักของจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมอุดหนุนผ้าไหมแพรวา ๒ ผืน ลั่น ศักยภาพของกาฬสินธุ์ ต้องถูกฉายออกมามากกว่านี้ ย้ำ จะมาติดตามผลทุกปีวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๗ เมื่อเวลา ๑๓.๒๐ น. ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำหารือการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแลนด์มาร์ก (Landmark) และจุดแวะพักของจังหวัดกาฬสินธุ์ ณ บึงอร่าม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญว่า นายกรัฐมนตรีรับฟังประเด็นส่งเสริมการท่องเที่ยว ในการดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา (บึงอร่าม) องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแลนด์มาร์ก และจุดแวะพักของจังหวัดกาฬสินธุ์ รวมทั้งเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าและพืชผลทางการเกษตร ประมง และสินค้า GI ของจังหวัดกาฬสินธุ์และประชาชนในพื้นที่ โดยมีแนวคิดในการก่อสร้างศูนย์การท่องเที่ยวเชิงภูมิศาสตร์ ในพื้นที่อุทยานธรณีกาฬสินธุ์ สถานภาพโครงการมีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันที โดยจะขอสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์โอทอป (OTOP) เช่น พายมะม่วงมหาชน ข้าวเหนียวอินทรีย์เขาวง ผ้าไหมแพรวา ฯลฯ ผลิตภัณฑ์ GI ของ จ.กาฬสินธุ์ เช่น พุทรานมสด รวมทั้งสินค้าประมง เช่น กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์ โดยระหว่างเดินเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ นายกรัฐมนตรียังได้ทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง พร้อมชิมน้ำอ้อยสดและอุดหนุนสินค้า OTOP ผ้าไหมแพรวา จำนวน ๒ ผืนด้วยขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อเวลา ๑๔.๑๖ น. ระบุว่า “เยือนกาฬสินธุ์ ถิ่นผ้าไหมแพรวาทั้งที ก็ต้องขอสวมชุดผ้าไหมแพรวาครับ และชุดที่ผมใส่นี้มาจากกลุ่มแพรวา โสภารักษ์ ชื่อผ้าตัดชุดลายนาค ใบบุ่นช่อสน ย้อมด้วยเปลือกต้นมะหาด ต้นไม้ประจำจังหวัด ให้สีเหลืองสวยอย่างที่เห็น ทอด้วยลายแพรวาโบราณลายนาค สื่อถึงความศรัทธาของคนอีสานที่เชื่อมโยงกับพุทธศาสนา ผ้าไหมแพรวาเป็นผ้าทอมือขึ้นชื่อมาจากภูมิปัญญาของชาวภูไท ทอด้วยการเก็บลายจากการเก็บขิด และการจก ที่มีลวดลายโดดเด่น ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ มีเรื่องราวให้ต่อยอดได้ครับ” จากนั้นเวลา ๑๕.๐๙ น. นายกรัฐมนตรี เปิดเผนผ่านทางเฟซบุ๊กอีกครั้งว่า กาฬสินธุ์มี GPP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด) ๖๐,๙๙๗ ล้านบาท รายได้เฉลี่ยต่อหัว ๗๗,๓๙๗ บาท/ปี เป็นอันดับที่ ๖๗ ของประเทศ เศรษฐกิจจังหวัดขึ้นอยู่กับการผลิตภาคเกษตรกรรมถึง ๒๒% สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และปัญหาความยากจนของพื้นที่ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเราต้องเพิ่มผลิตภาพแรงงาน และผลิตผลทางการเกษตรให้สูงขึ้น เพื่อยกระดับการผลิตในภาคเกษตรกรรมทั้งระบบ โดยต้องเชื่อมโยงกับการบริหารจัดการน้ำ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานอย่างบูรณาการ และโครงการต้องสอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมประเทศเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับด้านคมนาคม นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เราต้องเตรียมความพร้อมเรื่องถนนหนทางที่มักจะชำรุดเสียหายหลังเกิดน้ำท่วม เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อพี่น้องประชาชน และขอฝาก นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่เดินทางมาด้วย รับเอาโครงการป้องกันน้ำท่วม โครงการก่อสร้างสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำลำปาว ที่จะช่วยให้ประชาชนสัญจรได้อย่างสะดวกไปผลักดันต่อ ขณะที่เรื่องสนามบิน ก็ให้ทำการศึกษาการสร้างสนามบินสารสินธุ์ (สารคาม+กาฬสินธุ์) หวังว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างเหมาะสมโดยเร็ว “ผมยังให้ความสำคัญกับด้านสุขภาพของพี่น้องชาวอีสานที่มีอายุขัยเฉลี่ยของต่ำกว่าในภาคอื่นๆ เนื่องจากระบบสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล และระบบการส่งตัวสำหรับผู้ป่วย ยังต้องพัฒนาอีกมาก โรงพยาบาลในจังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนใหญ่เป็นศูนย์ส่งตัว แม้ว่าจะมีแพทย์เฉพาะทางแต่ติดขัดเรื่องเครื่องมือ ก็ขอให้ทางจังหวัดส่งเรื่องเพื่อให้พิจารณาครับ ศักยภาพของ จ.กาฬสินธุ์ ต้องถูกฉายออกมามากกว่านี้ครับ การที่ผมมาลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ ให้กับที่นี่ และแน่นอนว่าผมจะลงมาติดตามผลทุกปีครับ”