จากการที่กรมการข้าวได้วางแผนการรับรองพันธุ์ข้าวในทุกปี อย่างน้อยปีละ ๔-๕ พันธุ์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเลือกปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตนเอง และตามความสนใจของผู้บริโภค กรมการข้าวจะรับรองพันธุ์ข้าวให้มีความหลากหลายพันธุ์มากขึ้นสำหรับปีนี้ กรมการข้าวจะรับรองพันธุ์ข้าว มากถึง ๑๐ สายพันธุ์โดยข้าวที่รับรองพันธุ์จะมีความหลากหลายประเภท ทั้งข้าวขาวพื้นนุ่ม ข้าวขาวพื้นแข็ง ข้าวหอมไทย ข้าวเหนียว ข้าวญี่ปุ่น ข้าวพื้นเมือง และข้าวสาลี โดยข้าวแต่ละประเภทจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันตามการนำไปใช้ประโยชน์ อาทิข้าวขาวพื้นแข็ง อายุสั้น ๙๐-๑๐๐ วัน ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ข้าวทั่วไป ๑๐-๑๕% ศักยภาพการให้ผลผลิตไร่ละ ๑,๐๐๐-๑,๒๐๐ กก. ต้านทานต่อโรคขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลทนทานต่อสภาพน้ำท่วมฉับพลัน สภาพอากาศเย็นข้าวเหนียว มีทั้งหมด ๒ สายพันธุ์ ประกอบไปด้วย สายพันธุ์ RGDU๑๐๐๑๗-๑-MAS-๔๙-๔-๑-NKI-๑-๓-๑-๒ เสนอเป็นพันธุ์รับรองชื่อ กข๒๔ (สกลนคร ๗๒) เป็นข้าวที่ไวต่อช่วงแสง ลำต้นเตี้ย ต้านทานการหักล้ม ทำให้ลดการสูญเสียผลผลิตระหว่างการเก็บเกี่ยว และสายพันธุ์ CRI๑๓๐๕๕-๑-๑-๒-๑ เสนอเป็นพันธุ์รับรองชื่อ กข๒๖ (เชียงราย ๗๒) ไม่ไวต่อช่วงแสง อายุสั้น ผลผลิตสูงกว่าข้าวเหนียวทั่วไปที่นิยมปลูก ๑๓-๑๕% สามารถปลูกได้ปีละ ๒ ครั้ง จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับให้เกษตรกรได้ใช้ปลูก เพื่อเพิ่มรายได้ให้มีมากขึ้นข้าวขาวพื้นนุ่ม เป็นพันธุ์ข้าวเพื่อทดแทนการปลูกข้าวขาว พื้นนุ่ม ที่ไม่ไวต่อช่วงแสง เช่น พันธุ์ปทุมธานี ๑ ที่ปัจจุบันประสบปัญหาคุณภาพ การขัดสีลดลง อายุการเก็บเกี่ยว ๑๒๐ วัน ยาวนานไปสำหรับเกษตรกร ที่ต้องการพันธุ์ข้าวที่มีอายุสั้นกว่า ๑๒๐ วัน เพื่อยกระดับการแข่งขันในด้านการส่งออกของข้าวหอมพื้นนุ่มของประเทศไทยในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนอกจากนี้ยังมีข้าวประเภทอื่นๆ ที่พัฒนาคุณภาพมาทดแทนพันธุ์เดิมเพื่อใช้ประโยชน์ในการแปรรูป สำหรับบริโภคเฉพาะในแต่ละภูมิภาค เพื่อยกระดับการแข่งขันในตลาดโลก ให้สามารถผลิตข้าวได้ตรงตามความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ.สะ-เล-เตคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้ามองฟ้า เท้าหยั่งดิน” เพิ่มเติม
