ปรากฏการณ์ “ส้มออร์แกนิก” เติบโตพรึบพรับเต็ม “เมืองหลวงเสื้อแดง”แรงแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องมีอำนาจรัฐ แต่กองเชียร์แห่รับกันเนืองแน่น ตามภาพข่าวที่ “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยกทัพไปเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ปักหมุดยึดหัวหาดการเลือกตั้งท้องถิ่นพื้นที่ภาคอีสานจังหวะแย่งซีน เบียดพื้นที่ข่าวกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ที่ยกคณะใหญ่บินโฉบไปจังหวัดกาฬสินธุ์ มีกองเชียร์พรรคเพื่อไทยชูป้ายไวนิลสีแดง “มหาสารคาม ฮักทักษิณ” มารอต้อนรับดักทวงคิวเทกระจาด “ดิจิทัลวอลเล็ต ๑๐,๐๐๐ บาท”โดยความเป็น “ธรรมชาติ” ของเกมชิงกระแสที่นักเลือกตั้งอาชีพหลอกตัวเองยังไงก็อดผวาไม่ได้อีสานพื้นที่ตีกินของเพื่อไทยกำลังสั่นคลอนจากกองทัพส้ม ภูมิธรรม เวชยชัยในสถานะตัว “อันตราย” นาทีนี้ “พิธา” เขย่าชี้เป้าตรงไหนสะเทือนตรงนั้น อาการอย่างที่รัฐบาลต้องรีบไล่อุดไล่ปะกันทันทีทันควัน ไล่ตั้งแต่ “สหายอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ “บิ๊กทิน” นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม “เสี่ยหนิม” นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง ต้องดาหน้าออกมาตอบโต้นายพิธาแบบทันทีทันควัน ว่าด้วยปมที่ดินราชพัสดุรัฐบาลเพื่อไทยต้องใช้ตัวประกบ “ตัวพ่อด้อมส้ม” ทีละ ๓-๔ คน ดักประกบหน้าประกบหลัง ราวกับดาวเตะสตาร์ดังของลิเวอร์พูล ตัวจี๊ดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด“พิธา” มีอิทธิพล ลีลาแฝงมนต์เสน่ห์ พูดแล้วสังคมส่วนใหญ่คล้อยตามนั่นก็เพราะ “หนุ่มทิม” ไม่ได้ค้านตะบี้ตะบัน ในมุมที่เห็นดีเห็นงามกับรัฐบาลก็เอ่ยปากสนับสนุนกันตรงๆ แบบที่ช่วยกันหาม ตามแห่โปรเจกต์ในฝันล่าสุดของนายเศรษฐา ที่เพิ่งจัดอีเวนต์ใหญ่ก่อนบินไปโรดโชว์ฝรั่ง ประกาศดันประเทศไทยเป็น “ฮับ” ศูนย์กลางการบินโลก ยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ติด ๑ ใน ๒๐ สนามบินมาตรฐานดีที่สุดในระดับนานาชาติโดย “พิธา” มุ่งไปที่การสร้างโอกาส ไม่ได้เน้นโบแดง โชว์หน้าตาแต่แนะรัฐบาลให้มุ่งไปที่การกระจายการสร้างงานจากเมกะโปรเจกต์ศูนย์กลางการบิน การเปิดพื้นที่ให้คนไทยได้ประโยชน์เชิงธุรกิจ รวมถึงเพิ่มโอกาสคนไทยเข้าถึงการใช้บริการเครื่องบินคิดแบบนักการเมืองที่เป็นตัวแทนประชาชน ไม่ใช่นอมินีกลุ่มทุนธุรกิจ และแน่นอน “พิธา” ไม่ได้พูด แต่ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ต้องไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน ตามธรรมชาติ “ธุรกิจการเมืองแบบไทยๆ”การฟาด “หัวคิว” ในบิล “ค่าบริหาร” แฝงมากับเมกะโปรเจกต์ตามตัวเลขยั่วยวนแบบที่บิ๊กบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เด้งรับโปรเจกต์ในฝันของผู้นำ เปิดงบลงทุนมากกว่า ๒.๑ แสนล้านบาท ทุ่มไปที่ ๕ แผนงาน ดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินโลก ไล่ตั้งแต่แก้ปัญหาเร่งด่วนสนามบินสุวรรณภูมิ สร้างเทอร์มินอลเพิ่มที่สนามบินสุวรรณภูมิ เปลี่ยนบทบาทสนามบินดอนเมือง สร้างสนามบิน “อันดามัน” และ “สนามบินล้านนา”โฟกัสข้อสุดท้าย “ยกระดับงานซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง” พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถต้องล้างจมูกตามกลิ่นกันให้ดี เพราะมันบังเอิญตรงกับเสียงร่ำลือหนาหูในหมู่ “สิงห์ปืนไว” ขบวนการฮั้วประมูล เตรียมล็อกสเปก จัดสรรปันส่วนเค้กกันล่วงหน้าโดยเฉพาะซอฟต์แวร์ที่จำเป็นอันดับต้นๆของสนามบิน ในกระบวนการด่านตรวจคนเข้าเมือง นั่นคือการจัดซื้อจัดหาเครื่อง “ไบโอเมทริกซ์” ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ด้วยการสแกนใบหน้า-ม่านตามูลค่านับพันล้าน แต่นั่นไม่สำคัญเท่าเดิมพันความมั่นคงของประเทศไทยจุดที่นายเศรษฐาโดดลงมากำกับเกมเอง คงไม่พลาดปล่อยตกเกรด เพราะลำพังแค่มาตรฐานเดิมที่ ตม.ใช้อยู่ตามด่านทั่วไป ในการตรวจอัตลักษณ์ด้วยการสแกนใบหน้า ม่านตา ผลแม่นยำสุดๆ ก็ยังไม่สามารถอ้อนให้ประเทศยุโรปเปิดเชงเก้นวีซ่าให้ประเทศไทยได้ เพราะมาตรฐานฝรั่งโคตรสูงขืนสนามบินไทยใช้เครื่องตรวจมาตรฐานต่ำ ปล่อยผ่านกันสบายๆ แค่เปลี่ยนชื่อนามสกุล เลขพาสปอร์ต เลขไอดีประจำตัว เปิดทางอาชญากรข้ามชาติ เครือข่ายก่อการร้าย จีนเทา ฝรั่งเถื่อน เกลื่อนเมืองก็ไม่ต้องพูดถึงการยกระดับมาตรฐานฮับการบินโลกให้เปลืองงบประมาณเดิมพันงานช้างระดับนี้ ในยุคทีมก้าวไกล มาตรฐานตรวจสอบเข้มพอๆกับเครื่องไบโอเมทริกซ์ เป็นโจทย์บังคับนายเศรษฐา ทวีสิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม รวมไปถึง “บิ๊กหิน” พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานบอร์ด ทอท. ต้องหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงโดนล่อเป้าขืนทำหลุกหลิกผ่านเครื่องสแกน สัญญาณดังลั่นสนั่นเมืองแน่.ทีมข่าวการเมือง รายงานคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม
Related posts