Thursday, 19 December 2024

ข้อพิพาทที่ดินกับความเหลื่อมล้ำ

เป็นที่ตั้งข้อสังเกตถึง การเข้าไปบุกรุกที่ดินสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยว และกลายเป็นสวรรค์ของคนต่างชาติ ที่เข้ามาทำมาหากินธุรกิจสีเทา อยู่ในประเทศไทยได้อย่างอิสรเสรี ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ สาเหตุเกิดจาก นโยบายรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ คนไทยไปเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เป็นธุรกิจทั่วไปไม่มีพิษมีภัย กว่าจะเปิดได้ลำบากยากเย็น เปิดไปแล้วก็มีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอย่างเข้มงวด บ้านเราเข้ามาทำธุรกิจตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ได้อย่างสบายๆ โดยเจ้าหน้าที่อ้างนโยบายรัฐเปิดช่อง อำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ยกตัวอย่าง แหล่งท่องเที่ยวและเกาะในจังหวัดภาคใต้ ไม่เฉพาะที่ ภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเป็นเจ้าของกิจการและที่ดินมากมาย ทำให้ที่ดินที่ติดแหล่งท่องเที่ยวชายหาดชายทะเล มีราคามหาศาล ไร่ละ ๒๕๐ ล้าน ยังขายได้ อย่างต่ำก็ไร่ละ ๕๐ ล้านขึ้นไป ทำให้เกิดการบุกรุกที่สาธารณะกันจำนวนมาก ทำทุกอย่าง ที่จะขายแผ่นดินให้คนต่างชาติโดย ไม่คำนึงถึงอธิปไตยของคนไทยที่สูญเสียไป ภูเก็ตไม่ใช่แผ่นดินของคนภูเก็ต แต่เป็นแผ่นดินของ คนจีนคนรัสเซีย ที่อพยพไปจาก พัทยา ใช้ผลประโยชน์เป็นใบเบิกทาง ทำให้เสียภาพลักษณ์และวัฒนธรรมการท่องเที่ยวของไทยไปอย่างน่าเสียดาย ไม่ต้องไปลงรายละเอียดว่า เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คนไหนบ้าง ที่เปิดผลกำไรออกมาแล้วมีกำไรมหาศาล เป็นการเข้าข่ายทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่ เอื้อประโยชน์กับนายทุนอย่างไรที่คาราคาซังคือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่มีบทสรุปออกมาแล้วว่า ให้ยึดตาม แนวเขตของแผนที่ทหารคือ แนวเขต ๒๕๐๕ และ แนวเขตอุทยานตามที่ยึดถือแนวเขตอุทยาน ตามที่คณะทำงานอ้างคำสั่งของกรมอุทยานที่ ๙๗/๒๕๕๘ ให้แก้ไขปรับปรุงแนวเขตในโครงการเร่งด่วนกับแนวเขตป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในความดูแลของกรมอุทยานฯ ในมาตราส่วนที่ ๑:๕๐,๐๐๐ และ ๑:๔,๐๐๐ ตามแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาและท้ายประกาศกระทรวงแต่ปรากฏว่า คณะทำงานกลับไปสร้างแนวเขตอุทยานเขาใหญ่ขึ้นมาใหม่ อ้างเป็นเขตที่กรมอุทยานฯยึดถือตามการให้สัมภาษณ์ของ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานแห่งชาติ ซึ่งอยู่ในระหว่างการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี กระทำเกินกว่าอำนาจ เพราะฉะนั้น ทาง ส.ป.ก. ที่เป็นหน่วยงานรัฐจึงต้องยึดถือและปฏิบัติตาม One Map ตามนโยบายรัฐบาล โดยมี กระทรวงกลาโหม เป็นเจ้าภาพ ซึ่งมี รัฐมนตรีว่าการกลาโหม เป็นประธานเป็นนโยบายในการแก้ปัญหาทับซ้อน One Low One Land และต้องเป็น One Map ทั่วประเทศ เพราะเขตอุทยานแห่งชาติ ที่ดิน ส.ป.ก.หรือเขตทหาร ก็เป็นสมบัติของแผ่นดิน ไม่ใช่เป็นสมบัติของใครคนใดคนหนึ่งรัฐบาลตั้งหน่วยงานที่เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินมาทับซ้อน หรือไม่ต้องไปยกเครื่องกันใหม่ มีทั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ คณะกรรมการบริหารจัดการที่ดินของรัฐ คณะกรรมการจัดสรรที่ทำกิน เยอะไปหมดไม่ได้อยู่ในสังกัดเดียวกัน สมควรที่จะมีหน่วยงานกลางเข้ามาควบคุมและชี้ขาดในกรณีเกิดข้อพิพาทขึ้นมาถ้าเปิดช่องไว้แบบนี้นอกจากจะเป็นเหยื่อนายทุน คนใหญ่คนโตแล้ว ยังจะเป็นเหยื่อคนต่างชาติอีกด้วย คนจนมีสิทธิ์ไหมครับ.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม