พัฒนาการทางการเมืองไทยที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง นอกเหนือจากจะมีวุฒิสภาชุดใหม่ ที่มาจากการเลือกกันเองของกลุ่มอาชีพต่างๆทั่วประเทศที่สำคัญคือไม่มีสิทธิร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกแล้วแต่อีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจไม่ต่างกันก็คือ การที่ประชาชนจะใช้สิทธิใช้เสียงเลือกตัวแทน เข้ามาทำหน้าที่ที่เรียกว่า “นักการเมือง” ด้วยแนวคิดที่ต่างจากเดิมๆคือเลือกนักการเมืองทั้งระดับชาติ และระดับท้องถิ่นที่มาจากพรรคการเมืองเดียวกัน ไม่แยกส่วนแยกระดับชาติ ระดับท้องถิ่นอีกต่อไปแล้วถ้าเป็นไปอย่างนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ทางการเมืองก็ว่าได้ที่เป็นอย่างนี้ก็เนื่องมาจากว่า การแก้ไขปัญหาของประเทศนั้น จะต้องมีพลังและนโยบายใหญ่เป็นตัวกำหนดจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาของไทยได้ความจริงที่ผ่านมาในทางปฏิบัติ แม้จะแยกส่วนเป็นการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิ่นการเลือกตั้งของประชาชนจึงเป็นแบบเลือกตั้งระดับชาติอย่างหนึ่ง เลือกระดับท้องถิ่นอีกอย่างหนึ่ง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งระบบท้องถิ่น ก็คือกลไกของระดับชาติอย่างที่เรียกว่า “บ้านใหญ่” ซึ่งเป็นฐานเสียงให้พรรคการเมืองระดับชาติ“เพื่อไทย” มีฐานเสียงสำคัญคือ “บ้านใหญ่” ที่ทำให้ชนะเลือกตั้งมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดภาคอีสานถือเป็นหัวคะแนนที่มีศักยภาพและอิทธิพลที่จะวัดถึงชัยชนะได้แต่เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อ “ก้าวไกล” พรรคการเมืองคนรุ่นใหม่ที่เน้นอุดมการณ์เป็นหลักสามารถชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับ ๑ เหนือ “เพื่อไทย” และเป็นคู่ต่อสู้ในบริบทการเมืองที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนนอกจากขายอุดมการณ์ และความเปลี่ยนแปลงสังคมแล้ว ยังรุกคืบไปสู่ท้องถิ่นด้วยการสนับสนุน และส่งตัวแทนลงสมัครในระดับนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นนายก อบจ. นายกเทศมนตรี และนายก อบต. ที่เคยเป็นฐานเสียงของพรรคการเมืองรุ่นเก่าการเลือกตั้งนายก อบจ.ต้นปี ๒๕๖๘ จะเป็นมิติใหม่ทางการเมืองอย่างแน่นอนเพราะ “ก้าวไกล” จะส่งผู้สมัครลงชิงชัยด้วยเวลานี้ กำลังหาตัวแทนในจังหวัดต่างๆ ซึ่งได้มาบางส่วนแล้วที่น่าสนใจก็คือ ตัวแทนของพรรคการเมืองเก่า หลายคนหลายพรรคให้ความสนใจ พร้อมจะลงสมัครในนามพรรค “ก้าวไกล” เพราะเห็นว่าโอกาสที่ชนะมีมากกว่า อีกทั้งไม่ต้องใช้เงินมาก เนื่องจากเป็น “พรรค” ไม่ใช่ “คน”นอกจากนั้นบรรดานักเคลื่อนไหวทางการเมือง เอ็นจีโอหรือกลุ่มที่เรียกร้องสิทธิ และผลประโยชน์ของชาวบ้าน ต่างก็ให้ความสนใจ ซึ่งพวกนี้มีมวลชนสนับสนุนอยู่แล้วพูดง่ายๆ นี่คือคู่แข่งสำคัญของ “บ้านใหญ่” ก็ว่าได้หาก “ก้าวไกล” สามารถหาตัวแทนลงสมัครได้ครบทุกจังหวัด โอกาสที่จะเลือกตั้งนายก อบจ.ก็จะมีมากขึ้นนั่นหมายถึงว่าจะส่งผลให้การเลือกตั้ง สส.ในอีก ๔ ปีข้างหน้า จะมีโอกาสชนะเลือกตั้งค่อนข้างแน่นอนเพราะฐานเสียงจะแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่าตัวซึ่งจะชี้วัดว่า ประชาชนมีแนวคิดทางการเมืองที่เปลี่ยนไปหรือไม่?“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม
Related posts