ลูกศิษย์ญาติโยมสุดอาลัยและยังสงสัย การมรณภาพของหลวงปู่พูน วัดป่าเกษมสุข อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ จัดพิธีฌาปนกิจวันนี้ไม่เชื่อท่านจะเดินไปดับไฟป่าเองแล้วล้มจนถูกไฟคลอก ด้านผกก.เผยทราบคร่าวๆ การมรณภาพของหลวงปู่ ไม่ได้ถูกปาดคอ ถูกยิง หรือถูกทำร้าย วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. ชาวบ้าน ญาติ ศิษยานุศิษย์ กว่า ๑,๐๐๐ คน คณะสงฆ์ประมาณ ๒๐๐ รูป เดินทางมาร่วมพิธีฌาปนกิจสรีรสังขารหลวงปู่ทองพูน ฐิตปุญโญ อายุ ๗๕ ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าเกษมสุข หมู่ ๘ ต.เพชรละคร อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ที่พบร่างมรณภาพถูกเผาอยู่ภายในป่าหลังวัด ซึ่งสาเหตุการมรณภาพยังคงเป็นปริศนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ สงสัยคลางแคลงใจ ว่าหลวงปู่ เดินไปยังที่จุดที่พบร่างได้อย่างไร เนื่องจากท่านสุขภาพไม่ดี หรือหลวงปู่เดินไปดับไฟป่าด้วยตนเอง หรือมีคนพาไป แล้วสาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุ หรือว่าเป็นฆาตกรรมอำพรางกันแน่ ถ้าเป็นการฆาตกรรม ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้โดยเร็ว ลูกศิษย์หลายคนเดินทางจากต่างจังหวัด บอกว่าหลังทราบข่าวก็เสียใจ ไม่คิดว่าหลวงปู่จะมรณภาพจากไปอย่างกะทันหันแบบนี้ วันนี้จึงตั้งใจเดินทางมากราบสักการะสรีรสังขารหลวงปู่พูน โดยมีนายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และนายอำเภอหนองไผ่ มาเป็นประธานทอดผ้าบังสุกุล คุณยายสมบัติ เกิดทวี อายุ ๗๓ ปี เล่าว่า ตั้งแต่หลวงปู่มรณภาพ ก็นอนไม่เคยหลับสักคืนไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องกับหลวงปู่ เพราะหลวงปู่ท่านคือพระที่ปฏิบัติดี สัตว์สักตัวก็ไม่เคยฆ่า บริเวณภายในวัดหลวงปู่ก็ดูแลอย่างดี พอทราบว่าหลวงปู่มรณภาพ ตนนี่เข่าทรุดเข่าอ่อน รู้สึกใจหาย และเสียใจมาก เพราะตอนเช้า ตนจะรอใส่บาตรกับหลวงปู่ทุกวันที่หน้าบ้าน ส่วนเรื่องที่ว่าหลวงปู่ จะเดินไปดับไฟเองนั้น ตนไม่เชื่อว่าหลวงปู่ท่านจะเดินไปได้ เพราะท่านเดินไม่ไหวหรอก ออกไปบิณฑบาต ยังต้องนั่งรถสามล้อเครื่องมีคนขับให้ นั่งบิณฑบาตบนรถ อีกทั้งหลวงปู่ มีน้ำหนักตัวเยอะ ตัวใหญ่ และเป็นโรคเบาหวาน ขาไม่มีกำลัง ถึงตอนนี้ตนก็ยังไม่อยากเชื่อว่าหลวงปู่มรณภาพ จากพวกเราไปแล้วด้านนายตี๋ ลูกบุญธรรมผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ประเด็นที่ยืมเงินหลวงปู่ ตนไม่ได้รู้สึกหนักใจ แต่ที่หนักใจคือเป็นเรื่องที่ไม่ได้กราบลาท่าน ไม่ได้มีการบอกลากัน ด้วยความที่ตนนั้นรักเคารพท่านเหมือนพ่อ ความจริงคือความจริง ฟ้าดินเป็นพยาน ตนเชื่อว่าตำรวจเก่งอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่าคนที่ทำความดี อย่างน้อยๆ ความจริงต้องปรากฏออกมา ยอมรับว่าเงินนั้น ยืมมาจริง ทุกสิ่งทุกอย่างตนยอมรับ และความจริงอีกอย่างคือตนรักท่าน เคารพท่าน และถึงแม้ว่าวันนี้ท่านจะไม่อยู่แล้ว ก็อยากให้ทุกคนมาที่วัดเหมือนที่เคยมา เพราะที่นี่คือรอยของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ด้าน แม่ชีแดง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ช่วงบ่ายๆ หลานกับน้องสาวไปหาหมอถอนฟัน ขี่รถมาเจอหลวงปู่ยืนอยู่ตรงปากทางเข้าวัด กวักมือเรียกว่า ให้ช่วยเรียกรถดับเพลิงให้หน่อย หลานเลยไปเรียกรถดับเพลิงมาให้ แล้วหลานก็ช่วยมาดับเพลิง เข้าไปหาน้ำในห้องน้ำช่วยดับไฟ ที่ลามมา ส่วนตัวแม่ชีแดงไม่เชื่อว่าหลวงปู่จะเดินไปดับไฟเองเพราะท่านไม่แข็งแรง เดินได้แต่ก็ช้าๆ ท่านเลยเดินออกไปรออยู่ทางหน้าวัด เผื่อมีใครผ่านมา จะได้เรียกคนมาช่วย ที่ผ่านมาที่เกิดไฟไหม้ ท่านก็จะเรียกคนมาช่วยไม่เคยไปดับเอง “มีคนคิดว่า คงมีคนจุดไฟล้อมท่าน ไม่ให้ท่านออกมา แม่ชีก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” นายสุวรรณ์ โม้หนองบัว ผู้ใหญ่หมู่ ๘ บ้านท่าเสา เล่าว่า หลังจากหลวงปู่มรณภาพ ทำให้ที่วัดป่าเกษมสุข ไม่มีพระสงฆ์จำวัดเนื่องจากที่ผ่านมาหลวงปู่จำวัดอยู่รูปเดียว โดยเบื้องต้น เจ้าคณะอำเภอหนองไผ่ มารักษาการแทนชั่วคราวไปก่อน หลังเสร็จงานแล้วจะมีการประชุมกันอีกครั้ง ส่วนประเด็นเรื่องเงินและทรัพย์สินของทางวัด ต้องรอหลังเสร็จงาน จึงจะตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบ และในส่วนกรณีที่มีคนยืมเงินหลวงปู่ เรื่องนี้ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำตรวจสำหรับความคืบหน้าของคดี พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ แสงซื่อ ผกก.สภ.หนองไผ่ เผยว่า ต้องรอให้ผลชันสูตรพลิกศพหลวงปู่ ออกมาเป็นเอกสารจากแพทย์ ว่าเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร แต่ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ว่าเบื้องต้นทราบคร่าวๆ การมรณภาพของหลวงปู่ ไม่ได้ถูกปาดคอ หรือถูกยิง หรือถูกทำร้าย ขณะที่ชาวบ้านก็ไม่พลาดหาซื้อลอตเตอรี่เลขฝาโลง ๐๐๕ เลขอายุ และเลข ๔๑ ซึ่งเป็นเลขจำนวนพรรษาของหลวงปู่