Thursday, 19 December 2024

หนี้คือความทุกข์คนไทย

คนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลปัจจุบัน “ไม่ค่อยมีผลงาน” ส่วนใหญ่มักจะเป็นคำสัญญาของนายกรัฐมนตรี จะทำให้ประเทศไทยเป็นเลิศในด้านต่างๆ ภายใน ๕ ปี หรือ ๒๐ ปี ผลการสำรวจความเห็นประชาชน เพิ่งจะยกย่องผลงานด้านการแก้ปัญหาหนี้ไปสดๆร้อนๆ แต่อีกเพียงไม่กี่วันต่อมา ปัญหาหนี้ก็มาเป็นเรื่องใหม่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงว่าหนี้ครัวเรือนของไทยในไตรมาส ๓ ของปี ๒๕๖๖ ทะลุขึ้นไปถึง ๑๖.๒ ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น ๓.๓% จากไตรมาสก่อน ไปอยู่ที่ ๙๐.๙% ของจีดีพี แต่มีแนวโน้มว่าหนี้ครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง เพราะประชาชนลดการก่อหนี้หนี้ครัวเรือนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของไทยอย่างต่อเนื่องและยาวนานย้อนหลังกลับไปดูสถานการณ์เมื่อปี ๒๕๖๓ มีข้อมูลระบุว่าในไตรมาส ๓ ของปีนั้น ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ ๘๐.๑% ของจีดีพี สูงสุดในรอบ ๔ ปี เป็นผลจากไตรมาส ๒ ของปี ๒๕๕๙ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจหดตัว และการระบาดของโควิดสศช.ระบุว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือน เพราะคนไทยบางส่วน โดยเฉพาะเจนวาย ชอบก่อหนี้ ถือคติ “ถ้าต้องการอะไรจะต้องได้” ไม่มีเงินต้องกู้ หรือใช้บัตรเครดิตรูด เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๖๖ มีข้อมูลของเครดิตบูโร เตือนว่ามีหนี้เสียสูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุถึง ๓ เท่าแต่รายงานเกี่ยวกับภาวะสังคมไทยของ สศช. เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๖๖ ระบุว่าสถานการณ์ด้านแรงงานปรับตัว ดีขึ้น มีการจ้างงานมากขึ้น ในสาขานอกภาคการเกษตร มีผู้ทำงาน ๓๙.๗ ล้านคน เพิ่มขึ้นในสาขาโรงแรมและภัตตาคาร แต่ภาคการเกษตรหดตัว แต่ไม่ถือว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะ “วิกฤติ” ตามที่รัฐบาลอ้างเป็นเพียงข้ออ้าง เพื่อใช้เป็นเหตุผลในการเดินหน้านโยบายสำคัญของรัฐบาล นั่นก็คือโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่พรรคเพื่อไทยสัญญาจะแจกเงินผู้ที่อายุ ๑๖ ปีขึ้นไป ๕๖ ล้านคน คนละ ๑๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕.๖ แสนล้านบาท สัญญาจะเริ่มแรกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่ขณะนี้ยังลูกผีลูกคนอยู่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ได้รับยกย่องเป็นผู้นำที่ขยันขันแข็ง ทำงานไม่มีวันหยุด ชอบออกต่างจังหวัด เพื่อพบปะประชาชน และชอบเดินทางไปต่างประเทศ และชอบสัญญาจะทำให้ประเทศไทยดีเลิศของโลกภายในไม่กี่ปี แต่ส่วนใหญ่เป็นแค่คำสัญญา มีเสียงเรียกร้องเมื่อไหร่จะสร้างผลงานเสียที.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม