พักนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะ “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” โดยเชื่อว่า…หากอำนาจยังอยู่ค่ายประชาธิปไตยกลายพันธุ์เป็นอนุรักษนิยมใหม่เช่นวันนี้นั่นหมายถึงมาจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่า…แผ่นดินไม่พ้นการมีผู้นำ ๒ คนพร้อมกันกับรอรับผู้นำคนที่ ๓๑ ผ่านหลักสูตรมินีฯ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นแรกเสียก่อน แบบว่า…ว่ากันไปนั่นอย่าแปลกใจ “ประเทศไทย” เดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? เรามาทบทวนวิสัยทัศน์ท่านผู้นำที่แสดงทิ้งไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล ๒๒ กุมภาพันธ์ ให้ผู้บริหารหน่วยงานรัฐและเอกชนฟังภายใต้หัวข้อ “อิกไนต์ ไทยแลนด์ : จุดพลังรวมใจไทยต้องเป็นหนึ่ง” จะดีกว่าสาระสำคัญต้องการยกไทยเป็นฮับท่องเที่ยว พัฒนาการแพทย์และสุขภาพ อาหาร การบินที่สุวรรณภูมิจะติดอันดับ ๑ ใน ๒๐ สนามบินดีที่สุดของโลกภายใน ๕ ปี การขนส่งภูมิภาค ฮับผลิตยานยนต์แห่งอนาคต แต่ง…“เศรษฐกิจดิจิทัล” สุดท้าย…ไม่ลืมส่งให้ไทยกลายเป็นฮับทาง “การเงิน”พลันที่ทอล์กโชว์จบลงไม่นาน เกิดเสียงจิ้งจกร้องทักตามมาวิชันบทนี้เป็นเรื่องเก่าทำมา ๑๐ กว่าปี…แต่ไม่ถึงไหนตัวอย่างการแพทย์ไทยเป็นฮับนานแล้วแต่มีปัญหาเรื่องบุคลากร การบินต้องใช้เทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมืองมีประสิทธิภาพกว่านี้ ท่องเที่ยวถึงจะรับไม้ต่อไปได้จิ้งจกทักไม่ทันไร…ทัวร์กลุ่มอนุรักษนิยมใหม่ถึงเฮโลลงใส่กันยกใหญ่ ดีที่ว่า…คนในห่วงโซ่ท่องเที่ยวทำเมินไม่รู้ไม่ชี้คนสองฝั่งฮึ่มๆใส่กัน และพร้อมเดินเกมต่อด้วยตระหนักดีว่าอุตสาหกรรมแขนงนี้หากหยุดเคลื่อนไหววันใดเหมือนลมหายใจหยุดนิ่งวันนั้น…ดูคราวโควิดบูลลี่โลกระบาดนานนับปีที่ผ่านมานั้นแสนสาหัสเพียงใด?ไทม์ไลน์ตลาดท่องเที่ยวไทยมีโปรแกรมร่วมงานส่งเสริมการขายท่องเที่ยวโลกบิ๊กสุดคือ ไอทีบี ณ กรุงเบอร์ลิน ต้นมีนาคม ก่อนหน้านั้นเป็นงาน “เซาท์เอเชีย ทราเวล แอนด์ ทัวริซึม เอ็กซ์เชนจ์” ภูมิภาคเอเชียใต้ เรียก “ซาต์เต้ ๒๐๒๔” เปิดตลาดที่อินเดียเอ็กซ์โป กรุงนิวเดลีโดยข้อมูลเบื้องต้นการทำตลาดได้จากกระทรวงท่องเที่ยวฯ ซึ่งระบุปีที่ผ่านมา ไทยมีต่างชาติมาเที่ยวไทย ๒๘.๑๕ ล้านคนท็อป ๔ มาเลเซีย ๔.๖ ล้านคน จีน ๓.๕๑ ล้าน เกาหลีใต้ ๑.๖๔ ล้าน อินเดีย ๑.๖ ล้านกับมีแนวโน้มจะเพิ่ม ๒ ล้านคนปีนี้แน่นอน…ถ้าบ้านเราเสถียรกว่านี้? โฟกัสไปที่งานซาต์เต้ ๒๐๒๔ เมื่อตลาดอินเดียหล่อขึ้นกว่าปีก่อน ๖๖.๑๓% แต่งานเซลส์เป็นเพียง “เทรดมีท” ไม่มี “บีทูซี” คอนซูมเซลส์รอบประชาชน เหตุต้องเลิกเพราะมีแก๊งนักแซ้งปะปนเหมือนบ้านเรา…และงานนี้ “พัทยา” เปล่งรัศมีออร่ามากสุดในฐานะ “เมืองท่องเที่ยวแดนสวรรค์” สำหรับชาวภารตะ ถึงมี “ผู้ขาย” จากเมืองนี้ไปร่วมทีม ๑๕ ราย ขายในเขตสัมปทานตลาดตนเองกัลยากร เด็ดขาด จากโคโคนัททราเวล แอนด์ อีเวนต์ พัทยา คนคุ้นตลาดนี้ดี เผยเสนาบดีท่องเที่ยวแจ้งผู้ขายให้ทราบนโยบายรัฐ“การเตรียมตั้งเป้าให้อินเดียขยับสู่ ๒ ล้านคน จะจัดอีเวนต์นอกจากสงกรานต์สนับสนุน ส่งเสริมไทยเป็นโลเกชันถ่ายทำภาพยนตร์อินเดีย หนุนคนไปทัวร์เมืองรองตลอดปี ๓๖๕ วัน”สุดยอด…จะขยายวีซ่าครึ่งปีเป็น ๒ ปี เพิ่มเที่ยวบินวันละเที่ยวเป็น ๒ เที่ยว สำหรับโคโคนัททราเวลฯ กัลยากรออกตัว “งานนี้เราไม่สนใจเอเย่นต์ขนลูกทัวร์จำนวนมากมาให้ แต่ราคาประหยัดแลกกับการขนทีวีจอแบนไปหนีภาษีขาเข้าเที่ยวกลับแทนค่าทัวร์”กัลยากรเข้าใจพฤติกรรมทัวร์ตลาดนี้ดีว่า มักมีปัญหาร้อยแปด เช่น การแก้ไขไอเท็นเนอรีประจำวัน การหารายได้จากส่วนต่างส่วนลดและของแถมการเสนอขายจึงเน้นเฉพาะทัวร์เอเย่นต์ ดีเอ็มซีที่บริหารจัดการไอเทมท่องเที่ยวคุณภาพ ได้แก่ กลุ่ม เอฟไอที. เลือกพักโรงแรมพรีเมียม กินอาหารดีๆ ทัวร์หรูหราอาทิ เช่าเรือยอชต์เป็นส่วนตัวท่องทะเลพัทยา ดื่มกินอาหารว่างแล้วรอดูซันเซ็ตถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่าแนวโน้ม “ตลาดอินเดีย” กลุ่มนี้ดีขึ้นมาก หลังจากไทยเปิดฟรีวีซ่าและขยายวันเข้าออก โดยเฉพาะกลุ่มคอร์ปอเรทเลือกมาจัดอีเวนต์ประชุมสัมมนาและจัดเลี้ยง ครั้งหนึ่งเป็นร้อยเป็นพันแพ็ก จบแล้วเที่ยวต่อและส่วนมากจ่ายเงินอย่างไม่มีเงื่อนไขด้านนักลงทุนเจ้าของธุรกิจโรงแรมริมหาดขนาด ๕๐๐ ห้องกลางเมืองพัทยา หนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรมตลาดซาต์เต้ ๒๐๒๔ เสริมว่า เดิมเคยให้ความสำคัญตลาดนี้พอๆกับจีน ซึ่งเป็นบิ๊กมาร์เกตด้วยกันทั้งคู่ แต่จริงๆแล้วได้ไม่คุ้มเสียจากพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ในห้องพักและโรงแรมนักลงทุนนิรนามรายเดิม บอกอีกว่า ต้องยอมรับทัวร์ตลาดนี้ไม่ต่างอะไรกับทัวริตส์ตะวันออกกลางสมัยพัทยาฟีเวอร์ ที่เรายกพัทยาใต้เป็นย่าน “เซาท์” ให้คนเหล่านี้…เพื่อแยกชาวตะวันตกกับตะวันออกกลางออกจากกัน ด้วยนิสัยที่แตกต่างกัน เช่น คนตะวันตกลงสระถ้ามีคนตะวันออกกลางลงเล่นตามมา จะพากันโดดหนีทันที“ยุคนี้ทัวร์อินเดียชุมนุมตรงไหนตรงนั้นทัวร์จีนหรือชาติอื่นๆจะไม่ขอเข้าไปปะปน” นักลงทุนว่า“ผู้หญิงอินเดียแต่งชุดส่าหรีลงสระโรงแรมก็เคยมี ผู้ประกอบการพัทยาสมัยก่อนเข็ดเขี้ยวที่จะรับกรุ๊ปเหล่านี้ เพราะชอบขโมยเครื่องใช้ในโรงแรม บางรายแอบใช้ผ้าห่มตบตาหุ้มตู้เย็นพัดลมหนีออกจากห้อง เคยมีแอบตัดพรมส่วนใต้เตียงเหลือไว้แต่ภายนอก กว่าพนักงานจะเห็นก็เช็กเอาต์ไปนานแล้ว…”เรื่องทำนองอย่างนี้…เป็นคดีตามจับได้บ้างไม่ได้บ้างฟาดเคราะห์กันไปฝากฝั่งเจ้าของธุรกิจโรงแรมเผย พฤติกรรมทัวร์อินเดียโลว์ไพรซ์ที่พบล่าสุด ขโมยเซฟบ็อกซ์ภายในห้องพักโยนลงทางหน้าต่าง ให้เพื่อนรอรับอยู่ข้างล่างกว่าจะตามจับได้ก็เล่นเอาเหนื่อย“โรงแรมริมหาดจึงปฏิเสธที่จะรับทัวร์อินเดียประเภทนี้ การไปงานซาต์เต้ครั้งนี้ต้องการไปเลือกเฉพาะเอเย่นต์ เอฟไอทีขายคนระดับกลางขึ้นไปถึงไฮเอนด์โดยใช้ราคาเป็นตัวกำหนด และได้รับการตอบรับจากตลาดกลุ่มคอร์ปอเรทคุณภาพมีกำลังซื้อสูง”แต่ต้องเข้าใจคนพวกนี้ไม่นิยมช็อปสินค้าแบรนด์จากเมืองไทย เพราะปกติจะไปอเมริกาและยุโรป โดยเฉพาะลอนดอนกับปารีส ที่เสมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขาอยู่แล้วนี่เป็นแฟคท์แห่ง “ความจริง” บนเวทีการตลาดแดนส่าหรี ที่รัฐฯพุ่งเป้าปีนี้จะได้อย่างน้อยๆ ๒ ล้านคน…แต่ขอบอกข้อมูลนี้กลับเลื่อนลอยไม่ปรากฏใน “อิกไนต์ ไทยแลนด์” และนโยบายก่อนตีระฆังปล่อยตัวนักขายตลาดท่องเที่ยวในตลาดซาต์เต้ ๒๐๒๔ อินเดียเลยแม้แต่บรรทัดเดียว.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า ๑” เพิ่มเติม
