“พร้อมพงศ์” การันตี รัฐบาลมีผลงานแม้จะยังไม่ได้ใช้งบปี ๖๗ ดักทางฝ่ายค้าน หากอภิปรายเกินจริงระวังของจะเข้าตัว ตกม้าตาย ถามกลับประชาธิปัตย์ ตอนเป็นรัฐบาลเคยทำได้แบบนี้หรือเปล่า เหน็บ ยื่นซักฟอก อาจแค่ทำแก้เกี้ยววันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๗ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษา (ฝ่ายการเมือง) ของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๒ มองว่าเป็นเรื่องดี หากเป็นการสะท้อนปัญหาบ้านเมืองอย่างแท้จริง แต่ถ้าใช้เป็นเวทีสร้างคะแนนนิยม เรียกเรตติ้ง อันนี้ไม่เห็นด้วย แต่เท่าที่ได้ฟัง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลง ส่วนตัวมองว่าบรรยายเกินจริงไปหน่อย โดยเฉพาะเรื่องรัฐบาลไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คงจะปิดหูปิดตามากเกินไปเลยมองไม่เห็นสิ่งที่รัฐบาลทำ ปัญหาที่รัฐบาลเข้ามาแก้มีทั้งปัญหาเก่าใหม่ ใหญ่เล็ก ที่หมักหมมมานานก็ไม่ใช่น้อย“รัฐบาลเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ ๖ เดือน งบประมาณก็ไม่มี ถ้าไม่บริหารจัดการแบบมืออาชีพจะผลักดันโครงการใหญ่ๆ จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้อย่างไร ขนาดโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนยังชี้ว่า ๖ เดือนแรก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำงานเข้าตา ประชาชนหนุนอยู่ครบเทอม”นายพร้อมพงศ์ เผยต่อไปว่า ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองเก่าแก่ ก็พูดเกินจริงกันไปไกล ทั้งยุติธรรมสองมาตรฐาน ถ้าคิดจะโกงไม่ต้องใช้งบประมาณก็โกงได้ จะอภิปรายจะปล่อยของอะไรก็ระวังของจะเข้าตัว กลัวจะตกม้าตาย ต้องไม่ลืมว่าพรรคของท่านก่อนหน้านี้ก็ร่วมรัฐบาลมาก่อน ดูแลอะไร ทำดีแค่ไหน ประชาชนเขาจดจำได้ รัฐบาลนี้ทำงานแค่ ๖ เดือน แก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ สินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในรอบหลายปี โดยอ้อยราคาเดิม ๘๕๐-๙๕๐ บาทต่อตัน ตอนนี้ ๑,๗๐๐-๑,๘๕๐ บาทต่อตัน ยางพารา ราคาเดิม ๓ กิโลกรัม ๑๐๐ บาท ตอนนี้กิโลกรัมละ ๘๐ บาท สูงสุดในรอบ ๔๑ เดือน ยังไม่รวมราคามันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าว ที่มีราคาสูงขึ้นมาก “ตอนที่ท่านดูแล ท่านทำดี ทำได้เท่านี้หรือเปล่า ตอนเป็นรัฐบาลเคยบริหารเมกะโปรเจกต์เคยเกิดที่ภาคใต้ที่ท่านมี สส. ในพื้นที่บ้างหรือไม่ โครงการใหญ่ๆ ทำให้เกิดงาน สร้างรายได้ ท่านเองก็น่าจะรู้ แล้วที่บอกว่ารักพี่น้องชาวใต้มันจริงหรือเปล่า ผิดกับรัฐบาลนี้ เราไม่เลือกปฏิบัติเหมือนที่ใครบางคนเคยใส่ความ ก่อนหน้าก็แลนด์บริดจ์ ๑ ล้านล้าน”นายพร้อมพงศ์ เผยอีกว่า เมื่อวานนี้ (๗ มีนาคม ๒๕๖๗) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างเร่งผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจังหวัดภูเก็ต เพื่อสนับสนุนเมืองท่องเที่ยวระดับโลก เมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค และมีส่วนช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปีนี้มีแผนผลักดันการลงทุนเร่งด่วน ๗ โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า ๑.๔๘ แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการเดินทางทางบก และทางอากาศ สำหรับ ๗ โครงการลงทุนดังกล่าว ประกอบด้วย ๑. การพัฒนาขยายขีดความสามารถ ท่าอากาศยานภูเก็ต (ระยะที่ ๒) จากเดิมรองรับผู้โดยสาร ๑๒.๕ ล้านคน เพิ่มเป็น ๑๘ ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณลงทุน ๖,๒๑๑ ล้านบาท ๒. โครงการก่อสร้างขยายช่องจราจร ทางหลวง หมายเลข ๔๐๒๗ ช่วงบ้านพารา-บ้านเมืองใหม่ วงเงิน ๕๑๐ ล้านบาท ๓. โครงการก่อสร้างทางแนวใหม่ ช่วงบ้านเมืองใหม่-สามแยกเข้าสนามบินภูเก็ต วงเงิน ๒,๔๖๘ ล้านบาท ๔. โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับที่จุดตัด ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๒ กับทางหลวงหมายเลข ๔๐๒๗ และทางหลวงหมายเลข ๔๐๒๕ (ทางลอดท่อเรือ) ที่ กม. ๓๔+๖๘๐ (ทล.๔๐๒) วงเงิน ๒,๔๒๕ ล้านบาท ๕. โครงการทางพิเศษ สายกะทู้-ป่าตอง มูลค่าลงทุน ๑๔,๖๗๐ ล้านบาท ๖. โครงการทางพิเศษ สายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ วงเงิน ๔๒,๖๓๓ ล้านบาท ๗. การพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ตแห่งที่ ๒ (สนามบินอันดามัน) วงเงินลงทุน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาทในช่วงท้าย นายพร้อมพงศ์ ยังระบุด้วยว่า ตนมั่นใจว่าการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ที่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐา การทำงาน ๖ เดือนที่ผ่านมา ประชาชนรับรู้และสัมผัสได้ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง การสร้างรายได้ขยายโอกาส เมกะโปรเจกต์ที่รัฐบาลผลักดันออกมารัวๆ การท่องเที่ยวที่เติบโต สินค้าเกษตรราคาสูงขึ้น ทั้งยางพารา อ้อย และอื่นๆ อีกมากมาย “ต้องไม่ลืมว่าสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น ปัญหาที่ถูกแก้ รัฐบาลทำด้วยเงื่อนไขของงบประมาณที่จำกัด การที่พรรคฝ่ายค้านทวงคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลให้ไว้กับประชาชน แล้วยังกล่าวหาว่าเพิกเฉยต่อการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ทั้งที่รู้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านั้นต้องใช้งบประมาณเป็นตัวขับเคลื่อนบนเงื่อนไขของเวลาที่มากกว่านี้ สิ่งที่ท่านกล่าวหาดูมันขัดแย้งกันยังไงพิกล” รัฐบาลทำงานเต็มที่ นายกรัฐมนตรีทำงานไม่มีวันหยุด ประชาชนรู้ผลโพลก็บอกโรดโชว์ ๑๖ ประเทศ จะสร้างความเชื่อมั่นดึงเม็ดเงินลงทุนทยอยไหลเข้าประเทศ ที่ทำทั้งหมดนี้ยังไม่ได้ใช้งบประมาณปี ๒๕๖๗ เสียด้วยซ้ำ จึงตั้งข้อสังเกตว่า การที่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติครั้งนี้ ทำเพื่อแก้เกี้ยวหรือเปล่า เพราะเห็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นญัตติไปก่อนหน้านี้แล้วหรือไม่.
