Friday, 8 November 2024

ก้าวไกล ฟังปัญหาถ่ายโอน รพ.สต. ที่มุกดาหาร ภาระงานเพิ่ม แต่งบฯ-บุคลากรไม่พอ

“ชัยธวัช” นำ สส.ก้าวไกล เยือนมุกดาหาร รับฟังปัญหาถ่ายโอน รพ.สต.ให้ท้องถิ่น ด้านตัวแทน รพ.สต. ชี้ ให้ภารกิจเพิ่ม แต่งบฯ และคนไม่ตามมาด้วย ด้าน “กัลยพัชร” ติง สธ. ไม่จริงใจกระจายอำนาจสาธารณสุขวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๗ นายชัยธวัช ตุลาธน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย สส.พรรคก้าวไกล ร่วมพบปะหารือกับบุคลากรสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  (รพ.สต.) และสาธารณสุขอำเภอ ที่ รพ.สต.บ้านหนองหลี่ ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร เพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจากการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. จากกระทรวงสาธารณสุข มายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหารทางด้านตัวแทนบุคลากรสาธารณสุข ได้สะท้อนปัญหาจำนวนหนึ่งที่เกิดขึ้นว่า จ.มุกดาหาร เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีการถ่ายโอน รพ.สต.ทั้ง ๑๐๐% แต่ปัญหาคือภาระงานที่มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการจากส่วนกลาง เป็นไปอย่างไม่สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับ การถ่ายโอนแม้จะเป็นไปอย่างสมัครใจแต่ก็เกิดขึ้นในภาวะที่ อบจ.ไม่พร้อม โดยเฉพาะในด้านบุคลากรที่กำกับดูแล ขณะที่ระเบียบการจ้างที่กำหนดค่าตอบแทนพยาบาลไว้ต่ำเกินไป กลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้บุคลากรพยาบาลในหลาย รพ.สต.ไม่เพียงพอ จากนั้น นางสาวกัลยพัชร รจิตโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะทำงานด้านสาธารณสุข ที่ร่วมรับฟังปัญหาในวันนี้ ระบุว่า จากที่ได้รับฟังมาจากทั้งที่นี่และจังหวัดอื่นๆ ที่มีการถ่ายโอน รพ.สต. อาจกล่าวได้ว่า กระบวนการถ่ายโอน รพ.สต. ปัจจุบันยังขาดความชัดเจนจากกระทรวงสาธารณสุข จนนำไปสู่ภาวะสุญญากาศในการบริหารงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงปัญหาภาระงานที่หนักขึ้นของบุคลากรที่รับการถ่ายโอนไปแล้ว เพราะแม้จะมีอัตราบุคลากร แต่งบประมาณกลับไม่ตามมาด้วยหรือเติมไม่เต็ม แต่ตัวชี้วัดยังใช้แบบเดิม หรือมีตัวชี้วัดเพิ่มขึ้นมาทับซ้อนกับหน่วยงานท้องถิ่น ทำให้บุคลากรมีความกังวลต่อความก้าวหน้าในอาชีพของตน เป็นสภาพเหมือนมีเจ้านายหลายคนและต้องตอบสนองทุกคน โดยเฉพาะต่อกระทรวงสาธารณสุข ที่ตัวชี้วัดมักไม่ตรงกับปัญหาจริงในพื้นที่ และยังสร้างภาระงานเพิ่มขึ้นมาอีก“จากปัญหาที่เกิดขึ้น กระทรวงสาธารณสุขควรมีความชัดเจนในเรื่องการถ่ายโอนและการบูรณาการทั้งนโยบายและข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้องมากกว่านี้ รวมถึงการเติมงบประมาณให้เต็มกรอบ เติมบุคลากรให้เต็มกำลัง เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานท้องถิ่นนำไปปฏิบัติต่อได้” นาวสาวกัลยพัชร กล่าวต่อไปว่า การถ่ายโอน รพ.สต.ที่เต็มไปด้วยปัญหาเช่นนี้ ทำให้น่าตั้งข้อสังเกตว่า กระทรวงสาธารณสุขเอาเข้าจริงแล้วมีความต้องการที่จะกระจายอำนาจทางสุขภาพออกสู่ท้องถิ่นจริงหรือไม่ เพราะงบประมาณก็ไม่ไป บุคลากรก็ไม่ถ่ายโอนไปให้เต็มอัตรากำลัง KPI หรือตัวชี้วัดเพื่อประเมินผลงานก็ให้ รพ.สต. ที่สังกัด อบจ.ได้คะแนนลดลง ความก้าวหน้าในวิชาชีพของบุคลากรก็ไม่มี สวัสดิการก็ไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความสงสัยว่าจริงๆ แล้วทางกระทรวงสาธารณสุขต้องการเห็นการกระจายอำนาจจริงหรือไม่อีกทั้ง ทางกระทรวงมหาดไทยเอง ในฐานะผู้กำกับดูแลท้องถิ่น สามารถอำนวยการให้การถ่ายโอนเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น ด้วยการปรับกฎระเบียบบางอย่างได้หรือไม่ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานได้คล่องตัวขึ้น ทั้งเอกสาร การเบิกครุภัณฑ์ ซึ่งที่ตนได้รับการสะท้อนมาจากทั่วประเทศทราบว่าทำได้ยากขึ้นมาก และสุดท้ายคือ นายกรัฐมนตรีสามารถเป็นคนกลางให้ทั้ง ๒ กระทรวงมีข้อตกลงที่ชัดเจนได้หรือไม่ เพราะปลายทางย่อมเป็นความต้องการเดียวกัน ให้เกิดการยกระดับสาธารณสุขปฐมภูมิ (primary care) ให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด รวมไปถึงนายกรัฐมนตรียังเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติอีกตำแหน่งด้วย.