สังคมผู้สูงอายุที่เป็นวิกฤติในหลายๆประเทศทั่วโลกกำลังแผลงฤทธิ์ลามไปถึงระดับราชวงศ์ เมื่อราชวงศ์อังกฤษประสบปัญหาใหญ่ขาดมือไม้รุ่นใหม่ที่จะมาช่วยแบ่งเบาพระราชกรณียกิจอันหนักอึ้ง หลัง “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” ทรงเข้ารับการรักษาพระอาการต่อมลูกหมากโต และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ทำให้ต้องทรงยกเลิกพระราชกรณียกิจทุกอย่างชนิดไม่มีกำหนดขณะเดียวกันกำลังสำคัญของวินด์เซอร์อย่าง “เจ้าหญิงเคท” พระชายาของรัชทายาทอันดับหนึ่ง “เจ้าชายวิลเลียม” ก็ทรงเข้ารับการผ่าตัดช่องท้อง และจะกลับมาปฏิบัติพระกรณียกิจไม่ได้จนถึงหลังวันอีสเตอร์ คือช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายน คาดว่าพระอาการป่วยค่อนข้างหนักหนา ทำให้ต้องประทับรักษาพระองค์อยู่โรงพยาบาลนาน ๒ สัปดาห์ และพักฟื้นอีกหลายเดือนท่ามกลางข่าวลือสารพัดรวมถึงข่าวคาดการณ์ไปต่างๆนานาว่า ปัญหาสุขภาพที่รุมเร้าอาจทำให้ “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” พระชนมพรรษา ๗๕ พรรษา ตัดสินพระทัยสละราชสมบัติ เพื่อส่งไม้ต่อให้พระราชโอรสองค์โต “เจ้าชายวิลเลียม” ขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์แทน ภาระหนักอึ้งในขณะนี้จึงตกเป็นของพระราชวงศ์อาวุโสสูงสุดอย่าง “สมเด็จพระราชินีคามิลลา” พระชนมพรรษา ๗๖ พรรษา และ “เจ้าฟ้าหญิงแอนน์” พระชนมพรรษา ๗๓ พรรษา ด้วยเหตุว่า “เจ้าชายวิลเลียม” ทรงขอลดการปฏิบัติพระราชกรณียกิจใหญ่ๆ เพื่อทำหน้าที่ดูแลพระโอรสพระธิดาแทนพระชายา ปัจจุบัน “เจ้าชายจอร์จ” เพิ่งพระชนม์ ๑๐ ชันษา ส่วน “เจ้าหญิงชาร์ลอตต์” ๘ ชันษา และ “เจ้าชายหลุยส์” ๕ ชันษาตั้งแต่ “กษัตริย์ชาร์ลส์ที่สาม” ทรงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ควีนคามิลลาก็ทรงออกปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างเป็นทางการแทนพระราชสวามีไปแล้วถึง ๑๓ งานถามว่า “สมเด็จพระราชินีคามิลลา” ทรงรู้สึกเช่นไรบ้าง เมื่อต้องรับภาระหนักอึ้งกะทันหันในวัยเกษียณ พระสหายสนิทเล่าให้สื่อดัง “The Daily Beast” ฟังว่า ควีนคามิลลาทรงไม่เคยปริปากบ่น อีกทั้งยังมีน้ำอดน้ำทนสูง พระองค์ภูมิใจที่ได้สนับสนุนพระราชสวามีในทุกทาง กระนั้น ต้องยอมรับว่าด้วยวัยเกษียณเช่นนี้ ควีนคามิลลาทรงเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าอย่างมากจากภารกิจในการดูแลพระราชสวามี และการเป็นผู้นำครอบครัว ซึ่งถือเป็นการดีที่ทรงขอเบรกไปพักผ่อนในต่างแดนเป็นเวลาสั้นๆเพื่อชาร์จแบต ก่อนจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่ออย่างไรก็ดี มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความไม่เหมาะสมที่ “สมเด็จพระราชินีคามิลลา” จะเสด็จออกนอกประเทศในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ขณะเดียวกันก็มีกระแสกดดันจากประชาชนและสื่อโซเชียลเรียกร้องให้ “เจ้าชายวิลเลียม” กลับมาเป็นตัวหลักในการทำหน้าที่ตัวแทนพระราชวงศ์ กระนั้น รัชทายาทอันดับหนึ่งทรงยืนกรานว่าทรงให้ความสำคัญกับพระโอรสพระธิดามาเป็นอันดับแรก และจะรอจนกว่าพระชายาฟื้นตัวแข็งแรงดีแล้ว จึงจะกลับมารับงานพระราชกรณียกิจตามปกติอาจถึงเวลาต้องจัดทัพกันใหม่อีกครั้ง เพื่อเสริมความแกร่งให้ราชวงศ์วินด์เซอร์!!มิสแซฟไฟร์คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม
เสาหลักใหม่ราชวงศ์อังกฤษ
Related posts