ศูนย์รวบรวมคัมภีร์อัลกุรอานเก่าแก่กว่า ๑,๐๐๐ ปี ลงอักษรในหนังแพะและเปลือกไม้ ที่นายกฯเศรษฐาใช้เป็นตัวเชื่อมการท่องเที่ยวลงปฏิบัติหน้าที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์เรียนรู้คัมภีร์อัลกุรอาน ตั้งอยู่บ้านศาลาลูกไก่ ม.๖ ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๕๓ โดย นายมาหามะนุทรี หะยีสาแมที่นี่รวบรวมประเภทคัมภีร์อัลกุรอานโบราณที่คัดด้วยลายมือ ที่เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอิสลาม ที่ตกทอดจากอดีตถึงปัจจุบัน ที่มีอายุตั้งแต่ ๑๕๐ ปี ถึง ๑,๑๐๐ ปี ที่มีลวดลายสวยงาม ใช้สีประดับกรอบด้วยทองคำเปลว เขียนด้วยศิลปะมลายูนูซันตาราจีนและอาหรับผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืนและที่เป็นจุดไฮไลต์ของคัมภีร์อัลกุรอานที่ถือว่าเก่าแก่ที่สุดคือ คัมภีร์อัลกุรอานที่ลงลวดลายอักษรในหนังแพะ ที่มีอายุเก่าแก่ถึง ๑,๐๓๐ ปี ช่วงสมัยที่ยังไม่มีกระดาษ และรองลงมาคือ คัมภีร์อัลกุรอานที่ลงอักษรลงในเปลือกไม้ ในศตวรรษที่ ๑๘ ที่มีอายุกว่า ๓๐๐ ปีส่วนคัมภีร์อัลกุรอานปัจจุบันที่พิพิธภัณฑ์อัลกุรอานวัฒนธรรมอิสลามแห่งนี้ ที่ได้รับการบริจาคจากกลุ่มประเทศต่างๆ และได้ทำการซ่อมแซมบูรณะตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง มีจำนวนทั้งสิ้น ๗๙ เล่ม ยังไม่รวมถึงการรอบูรณะซ่อมแซมในจำนวนทั้งสิ้นกว่า ๑๐๐ เล่มโดยทางพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามแห่งนี้ได้มีการจัดคัมภีร์อัลกุรอานออกเป็น ๘ กลุ่ม ที่ได้รับการบริจาคคือ ๑.คัมภีร์อัลกุรอานเป็นเนื้อหาจากมาเลย์นูซันตาราหรืออาเซียน ๒.อินเดีย ๓.จีน ๔.เปอร์เซีย ๕.อียิปต์ ๖.สเปน ๗.แอฟริกา และ ๘.อุซเบกิสถานนอกจากนี้ ภายในอาคารมีการจัดนิทรรศการออกเป็น ๓ ห้อง ห้องที่ ๑ ห้องบรรยายเกริ่นนำ ห้องที่ ๒ เนื้อหาเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตวิถีมุสลิม ตามแนวทางที่ศาสนาบัญญัติไว้และแนะนำสถานที่สำคัญๆ และห้องที่ ๓เป็นเนื้อหาการเผยแผ่ศาสนาอิสลามสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย โดยคัดเลือกคัมภีร์อัลกุรอานจัดแสดงเป็นชิ้นหลักชิ้นรอง ด้วยการจัดทำ ๓ ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และมลายูปัตตานีนายมาหามะนุทรี หะยีสาแม ประธานมูลนิธิพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์เรียนรู้คัมภีร์อัลกุรอาน กล่าวว่า เมื่อรู้ว่าประเทศไทยเราเป็นศูนย์อนุรักษ์ จึงประสงค์พัฒนาและดูแลเพื่อให้คัมภีร์ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่คงทนกับพี่น้องมุสลิมสำหรับการศึกษาและวิจัยจากรุ่นสู่รุ่นต่อไป.ณรงค์ นวลสกุลคลิกอ่านคอลัมน์ “มองทั่วทิศเมืองไทย” เพิ่มเติม