พลังประชารัฐอนุรักษ์นิยมทันสมัยสิ้นเสียงของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร. ประกาศปรับลุคเคลื่อนทัพทางการเมืองใหม่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถูกสังคมส่องสปอตไลต์ตลอด ไปถอดรหัสผ่านมุมมองของนักการเมืองระดับเก๋าเกม โลดแล่นอยู่บนถนนเส้นนี้กว่า ๓๐ ปี โดย นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพปชร. และแกนนำอีกคนของ พปชร. สะท้อนให้เห็นถึงจุดประสงค์ของการประกาศดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจนกับผู้สนับสนุนพรรค พปชร.ขณะนี้กำลังวางยุทธศาสตร์ทำให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น ทั้งฐานะพรรคร่วมรัฐบาล มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร. เป็น รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้า พปชร. เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา พปชร. เป็น รัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ ๒ กระทรวงหลัก เกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก ทั้งหมดขึ้นอยู่กับนโยบายนำเสนอไปแล้วถูกใจประชาชนหรือไม่ แต่ไม่ได้ทิ้งด้านเศรษฐกิจ พลังงาน ท่องเที่ยวซึ่งมีผู้มีประสบการณ์ผ่านมาแล้วหลายกระทรวง มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เข้ามาดูควบคู่กันไป อาจเรียกได้ว่าด้านเศรษฐกิจมีผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยไปกว่าพรรคอื่น ไม่อยากพูดว่าเหนือกว่าพรรคอื่นบนเป้าหมายสร้างความเข้มแข็งให้ พปชร.เพื่อกลับมาในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกพรรคการเมืองต้องมีความพร้อม ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมตลอดเวลา เพราะไม่มั่นใจการเมืองในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ถึงขั้นว่าพร้อมวันนี้ฉะนั้นเป้าหมายปี ๖๗ ทำยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมคิดนโยบาย ปี ๖๘ ประกาศชัดเจนเดินไปข้างหน้าอย่างไรให้ประชาชนยอมรับมากขึ้นโดยให้ผู้สมัคร สส.ที่ไม่ได้รับเลือก ติดพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน หลายเขตเป็นผู้ที่มีศักยภาพ มีโอกาสในการเลือกตั้งครั้งหน้า และ สส. ๓๙ เขต กระจายทั่วทุกภาค ไปขยายฐานเพิ่ม หัวหน้าพรรค พปชร.ปรากฏตัวแต่ละครั้งดูทันสมัย และเคลื่อนไหวทำกิจกรรมทางการเมืองตลอด ล่าสุด ลงพื้นที่ จ.หนองคาย ยังไปพบนายกฯ สปป.ลาว บ่งบอกอะไรในทางการเมือง นายวราเทพ บอกว่า ท่านเป็นคนแต่งตัวมีสีสัน ดูดี และแต่งตัวเหมาะสมตามภารกิจ สถานที่สิ่งที่เคลื่อนไหวก็ควบคู่ไปกับรับฟังความเห็นของประชาชนทุกภาคของประเทศ ก่อนสรุปและปรับแผนจัดทำยุทธศาสตร์ และนโยบายรายภาค ขอย้ำว่าเพื่อนำไปแก้ปัญหาในปัจจุบัน และทำนโยบายหาเสียงครั้งต่อไปส่วนการไปพบผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจาก พล.อ.ประวิตรเคยมีบทบาทเป็นรองนายกฯ มีความคุ้นเคยกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อลงพื้นที่ที่ใกล้ประเทศเพื่อนบ้าน ก็เป็นโอกาสและจังหวะที่ดีไม่มีนัยอะไร“ลุงป้อม” กับความเป็นปึกแผ่นของ พปชร. ขณะนี้สภาพภายใน พปชร.เป็นอย่างไร นายวราเทพ บอกว่า พล.อ.ประวิตร เป็นศูนย์รวมของทุกคนในพรรคจริงๆ เพราะสร้างความรักความผูกพันของคนในพรรคได้มากอาจมองกันว่าพปชร.มีหลายกลุ่มก๊วน“สุดท้ายท่านเป็นคนหลอมรวม เป็นศูนย์รวมของคนในพรรคได้จริง ทุกพรรคต้องมีกลุ่มก๊วน แต่ละกลุ่มก๊วนก็ไปทำกิจกรรม เวลาต้องรวมตัวก็มาวันนี้ พปชร.ไม่มีปัญหากลุ่มก๊วน แต่การแบ่งคนนั้นคนนี้อยู่กลุ่มก๊วนนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะมาจากพื้นที่ จังหวัดเดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยแต่เมื่อพรรคมีมติ ทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากมติพรรคแล้ว แนวทางที่หัวหน้าพรรคให้ ทุกคนก็ยอมรับ”ระหว่างที่ พปชร.ขับเคลื่อนทางการเมือง รัฐบาลก็บริหารประเทศครบ ๖ เดือน ในฐานะที่เคยถูกกระทำทางการเมือง และเป็นพรรคร่วมรัฐบาล รัฐบาลจะสลายขั้วทางการเมืองผ่านการแก้รัฐธรรมนูญ (รธน.) และออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้อย่างไรภายใน ๓ ปีกว่าที่เหลือ นายวราเทพบอกว่า ระยะเวลา และการดำเนินการเป็นเรื่องยากพอสมควรโดยเฉพาะความเห็นที่แตกต่างอย่างสุดขั้ว ยังมองไม่เห็นคนกลางที่สามารถเชื่อมทั้ง ๒ ฝ่าย และอาจมีฝ่ายที่ ๓ ที่คิดว่าทั้ง ๒ ขั้วก็ไม่ถูกต้อง แต่รัฐบาลมีความตั้งใจ ถ้าไม่สำเร็จ ขอแค่ได้เริ่มสัก ๕๐%วางให้ชัดเจนในส่วนที่สามารถยอมรับกันได้ โดยเฉพาะการแก้ไขรธน. กติกาในการ บริหารประ เทศที่ออกมาเป็นที่ยอมรับแค่ไหนทั้งนี้ การสลายขั้วทางการเมืองกับการแสดงความคิดเห็นต้องแยกกัน สลายขั้วอาจเป็นพรรค และผู้สนับสนุน แต่สลายขั้วทางความคิด อาจเป็นเรื่องยากฉะนั้นความคิดต่างกันได้ แต่ต้องยอมรับกติกาเลือกตั้ง ปล่อยฝ่ายชนะได้บริหารประเทศ ฝ่ายแพ้ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ยกเว้นเกิดทุจริต คงต้องปล่อยให้ระบบจัดการขณะนี้เริ่มเห็นปรากฏการณ์ที่ฝ่ายค้าน และรัฐบาลยอมรับในบางเรื่องที่ถูกต้อง ยอมรับความเห็นของพรรคตรงข้าม ตรงนี้ขึ้นอยู่กับสังคมที่สามารถชี้นำ และบีบฝ่ายที่ไม่มีเหตุผลหรือทำไม่ถูกต้องภาพรวมรัฐบาลอยู่ตลอดรอดฝั่งครบเทอม ๔ ปี หรือไม่ นายวราเทพ บอกว่ารัฐบาล พรรคการเมือง สส. ล้วนอยากให้อยู่ครบวาระ รวมถึงผมด้วย เพื่อทำให้การเมืองต่อเนื่องเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นสภาฯ และรัฐบาลได้ทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน มากกว่าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเร่งด่วนในขณะนี้“ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก่อน ๔ ปี พรรคร่วมรัฐบาลยังสามัคคี ไม่มีความขัดแย้งแต่ปัจจัยภายนอกที่คนเห็นอยู่ และคิดได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ด้วยโครงสร้างปัจจุบันบอกว่าพรรคการเมืองยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้เพราะพรรคแกนนำมีเสียงไม่เกินกว่าครึ่งหนึ่ง” “รัฐบาลสลายขั้ว” ตรงกับนโยบาย พปชร.“ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ทั้งรัฐบาล และ พปชร.ต้องปรับบทบาทอย่างไร เพื่อให้เดินไปสู่รัฐบาลสลายขั้ว สร้างความปรองดอง นายวราเทพ บอกว่า เราเป็นพรรคอันดับ ๓ สนับสนุนเต็มที่ และมีจุดยืน ทำให้สังคมเกิดความสงบแต่การขับเคลื่อนต้องรอพรรคเพื่อไทย แกนนำอันดับ ๑ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ที่กำลังดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการแก้ รธน.หรือการทำประชามติแก้ รธน.การเคลื่อนไหวของ “ลุงป้อม” ยังถูกจับตามีโอกาสกลับมาเป็นรองนายกฯ เพราะตามโควตาพรรค พปชร.เหลืออีก ๑ เก้าอี้รัฐมนตรี นายวราเทพบอกว่า มองเชิงการเมืองอาจคาดการณ์ได้ อาจมีการวิพากษ์วิจารณ์แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้า พปชร. และต้องหารือตกลงร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคแกนนำ ที่ยังไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ หรือเป็นกิจลักษณะกระแสที่จะกลับมาเป็นนายกฯ ช่วงหลังวุฒิสภาอภิปรายทั่วไปรัฐบาล นายวราเทพบอกว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะมี อาจมีคนคิด แต่ในส่วนของ พปชร.ผมไม่เคยได้ยินเพราะทางการเมืองกำลังจะเกิดปรากฏการณ์ยุบ ๒ พรรค มีการทาบทาม สส.ของทั้ง ๒ พรรคเข้าร่วมงานกับพรรค พปชร.อย่างไร นายวราเทพบอกว่า เรื่องนี้อยู่นอกเหนือจากความเป็นทางการผมยังไม่ได้ยินกรณีนี้ มีหรือไม่มี เราพูดยาก อาจมีก็ได้ แต่เขาคงไม่อยากให้มีการพูดถึง มันเป็นเรื่องอนาคต ยังไม่รู้ผลจะเป็นอย่างไร“ลุงป้อม” เคลื่อนไหวทางการเมืองลักษณะนี้ ได้รับสัญญาณพิเศษอะไร นายวราเทพ บอกว่า ไม่มีสัญญาณพิเศษ แต่อยากเห็นพรรคต่างจากในอดีต เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วทิ้งงานของพรรค ไม่มีใครรับผิดชอบ พอยุบสภาฯ ถึงกลับมาหาประชาชน หากผลงานรัฐบาลดีอาจได้รับการรับเลือก แต่ถ้าผลงานไม่ดีอาจแพ้เลือกตั้งคราวนี้เราต้องทำงานคู่ขนานกับการร่วมรัฐบาลพปชร.ต้องเคลื่อนไหวตลอดให้ประชาชนสัมผัสได้.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม
รีแบรนด์พลังประชารัฐสร้างพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ ขั้วการเมืองที่สาม
Related posts