“ผบ.ทร.” พร้อม “ออท.สหรัฐฯ” ปิดภารกิจค้นหาทำลายวัตถุอันตราย ร.ล.สุโขทัย ๑๙ วัน หวังได้ผลสรุปให้ครอบครัวผู้สูญเสีย ทหารเรือไทย-มะกัน กอดคออำลา ชมกำลังพลไทยอยู่ในกฎจรรยาบรรณ คาด ๑ เดือนรู้ผล เหตุจมกลางทะเล เศร้าไม่พบ ๕ ผู้สูญหาย เก็บหลักฐานได้ ๕๘ รายการ ส่วนเรือเตรียมทำอนุสรณ์สถานระลึก เมื่อวันที่ ๑๑ มี.ค. ๖๗ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. พร้อม นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้เดินทาง มาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกำลังพลสองชาติ ที่เรือ Ocean Valor กลางทะเลอ่าวไทย ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการดำน้ำในภารกิจค้นหา และทำลายวัตถุอันตรายเรือหลวงสุโขทัยครบวันที่ ๑๙ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายและมีการแถลงปิดภารกิจของกองทัพเรือ พล.ร.อ.อะดุง กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือไทย-สหรัฐฯ ว่า ภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์เรียบร้อย ขอขอบคุณสหรัฐฯ ซึ่งดีใจที่สุดคือไม่มีใครเกิดอุบัติเหตุ และไม่มีความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้นด้านนายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค กล่าวขอบคุณกองทัพเรือไทย ว่า ได้เห็นการยกสมอเรือหลวงสุโขทัยขึ้นมา รู้สึกซาบซึ้งใจในความร่วมมือของรัฐบาลไทย ผบ.ทร. กองทัพเรือ และนักประดาน้ำทุกคน ภารกิจการกู้เรือเป็นการแสดงศักยภาพสูงสุดของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางการทูตที่มีมายาวนานกว่า ๑๙๐ ปี เยี่ยมมากๆ และใจของตนก็อยู่ร่วมกับครอบครัวทหารเรือที่สูญหาย และหวังว่าปฏิบัติการในครั้งนี้จะมีบทสรุปให้ครอบครัวของผู้สูญหายได้มากขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนหนึ่งของนักประดาน้ำของ ๒ ชาติ ได้ขึ้นมาแถลงข่าวปิดภารกิจที่เรือหลวงอ่างทองด้วย หลังจบการแถลงข่าว พร้อมได้จับมือ กอดอำลา และถ่ายภาพร่วมกัน ซึ่งเรือ Ocean Valor จะแวะพักที่ชลบุรี ก่อนกลับฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ ต่อไป ทั้งนี้ เรือดังกล่าวสร้างขึ้นโดยบริษัทเอกชน มีเครื่องมือ อุปกรณ์เฉพาะ เพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการดำน้ำ กู้เรืออับปาง โดย ทหารเรือสหรัฐฯ ได้เช่ามาจากเอกชนเพื่อร่วมปฏิบัติการกับกองทัพเรือไทย การฝึกร่วมผสมคอบร้าโกลด์ ๒๐๒๔ ขณะที่ นักประดาน้ำของสหรัฐฯ กล่าวว่ารู้สึกประทับใจในภารกิจครั้งนี้ที่ได้ทำงานกับนักประดาน้ำของ กองทัพเรือไทย และขอชื่นชมทหารเรือไทย เพราะทำงานอย่างมีจรรยาบรรณ ภายใต้กฎอย่างเข้มงวดตลอดระยะเวลา ๑๙ วัน ถือว่าเร็ว แต่เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และสนิทสนมกันมากเพราะต้องทำงานเป็นบัดดี้กันตลอด ขณะที่ เรือหลวงอ่างทอง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. พร้อมด้วย ออท.สหรัฐฯ เดินทางมาตรวจเยี่ยมปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตราย ร.ล.สุโขทัย ในวันสุดท้าย หลังปฏิบัติภารกิจครบ ๑๙ วัน ตั้งแต่ ๒๒ ก.พ. – ๑๑ มี.ค. ระหว่างกองทัพเรือไทย กับกองทัพเรือสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก โดยเป็นหนึ่งในภารกิจการฝึก Cobra Gold ๒๐๒๔ นอกจากนี้กองอำนวยการค้นหาและปลดวัตถุอันตราย ร.ล.สุโขทัย จัดแถลงข่าวปิดปฏิบัติการฯ ครบ ๑๙ วัน บน ร.ล.อ่างทอง สำหรับผู้ที่แถลงข่าวนำโดย พล.ร.อ.ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) ในฐานะผู้อำนวยการค้นหาและปลดวัตถุอันตราย ร.ล.สุโขทัย พล.ร.ต.วิชชุ บำรุง ผู้บังคับหมวดเรือค้นหาและปลดวัตถุอันตราย ร.ล.สุโขทัย เรือตรีธงบุญ เพ็งแก้ว หัวหน้าชุดประดาน้ำ, เรือเอก William Rittenhouse Commander, Task Group๗๓.๖พล.ร.อ.ชาติชาย กล่าวว่า เป็นระยะเวลา ๑ ปี ๒ เดือน ๒๒ วัน ที่ รล.สุโขทัย อับปางใต้ทะเลในความลึก ๕๐ เมตร ซึ่งสภาพเรือพบว่า เรือตั้งแท่นเช่นเดิม เอียงไปทางกราบซ้าย ๗.๓ องศา สำหรับปฏิบัติการของนักประดาน้ำ ๒ ประเทศ รวมปฏิบัติการดำน้ำ ๘๒ เที่ยว ๖๗ ชั่วโมง ๕๓ นาที โดยผลการค้นหา ๕ ผู้สูญหาย ไม่พบร่างทั้ง ๕ คน หลังนักประดาน้ำได้เข้าสำรวจภายในห้องต่างๆ ตามที่วางแผน โดยส่วนใหญ่เป็นห้องที่อยู่ต่ำกว่าดาดฟ้าเรือ แต่ไม่ได้เข้าทุกห้อง ด้วยความเสี่ยงต่างๆ เพราะเรือจมอยู่ใต้น้ำลึก ๕๐ เมตร รวมทั้งการสำรวจรอบตัวเรือ และพื้นทะเลใต้ตัวเรือ ทั้งนี้นักประดาน้ำได้ทำการเก็บพยานวัตถุ ๕๘ รายการ ทั้งที่เป็นวัตถุ-ภาพถ่าย ตามที่คณะกรรมการหาข้อเท็จจริงฯ ต้องการ เพื่อใช้ประกอบการสอบสวนหาสาเหตุ เช่น บริเวณแผ่นดันคลื่น ประตูผนึกน้ำรอบตัวเรือ รอยทะลุทางกราบซ้าย ๒ รอย สภาพฐานแท่นแพชูชีพ ๖ แผง เป็นต้น สำหรับส่วนที่เป็นวัตถุ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ ๑ เครื่อง เครื่องบันทึกภาพดิจิทัล DVR ๑ เครื่อง เสื้อชูชีพ ๑ ตัว คอมพิวเตอร์ Laptop ๑ เครื่อง สมุดจดคำสั่งการนำเรือ ๑ เล่ม สำหรับเครื่องบันทึกภาพดิจิทัล DVR หรือทีวีวงจรปิด ทางกองทัพเรือได้นำส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ทำการตรวจสอบและกู้ข้อมูล โดยกองทัพเรือหวังให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด พร้อมย้ำว่าเรือรบไม่มีกล่องดำเหมือนกับเครื่องบิน แต่สิ่งที่บันทึกความเคลื่อนไหวภายในเรือจะมาจากกล้องวงจรปิด ในจุดที่มีการกล้องฯนอกจากนี้ทางสหรัฐฯ ยังได้ปลดขีดความสามารถทางทหารกับยุทโธปกรณ์บนเรือ ได้แก่ อาวุธปล่อยนำวิถีสู่พื้นฮาร์พูน, ตอร์ปิโด MK๓๐๙, เครื่องมือสื่อสาร, ปืนกล ๒๐ มิลลิเมตร จำนวน ๒ กระบอก, ปืนเล็กยาว M๑๖ จำนวน ๑๐ กระบอก ไม่ให้ใช้การได้ โดยทั้งหมดนำส่งให้กองทัพเรือไทยในฐานะเจ้าของ นำไปเข้าสู่กระบวนการต่างๆ ต่อไป พร้อมกันนี้ยังได้นำสิ่งของภายใน ร.ล.สุโขทัย ขึ้นมา เพื่อจัดทำเป็นอนุสรณ์ เช่น ป้ายชื่อเรือ พญาครุฑ พระพุทธรูป พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ระฆังเรือ สมอเรือ ธงราชนาวี เสากระโดงเรือ สมอเรือ ป้ายขึ้นระวางประจำเรือ เป็นต้นสำหรับสิ่งที่กองทัพเรือจะดำเนินการต่อไป ๓ ข้อ ได้แก่ ๑.รวบรวมยุทโธปกรณ์ อุปกรณ์ สิ่งของ ร.ล.สุโขทัย ที่เก็บกู้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, ๒.คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี ร.ล.สุโขทัย อับปาง จะทำการสรุปผลการสอบสวน และ ๓.การสร้างอนุสรณ์สถาน ร.ล.สุโขทัย โดยนำสิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจต่างๆ มาจัดแสดงในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพราะเป็นบ้านและที่ตั้งหน่วยของ ร.ล.สุโขทัย ส่วนจะมีการจัดแสดงอาวุธหรือไม่ ต้องรอการพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ พล.ร.อ.ชาติชาย กล่าวย้ำว่า ด้วยปฏิบัติภารกิจทั้งหมด ทำให้ไม่ต้องกู้เรือทั้งลำ เพราะได้พยานหลักฐานครบทุกรายการตามที่คณะกรรมการสอบสวนฯ ต้องการ และตอบโจทย์ทั้ง ๔ ข้อในการปฏิบัติภารกิจ ได้แก่ การค้นหาผู้สูญหาย การตรวจสอบพยานวัตถุที่เรือ การปลดวัตถุอันตราย การนำวัตถุที่มีคุณค่าทางจิตใจขึ้นมา ส่วนการค้นหาผู้สูญหาย ทางนักประดาน้ำได้สำรวจเต็มที่ในทุกเที่ยวดำน้ำ ตนได้บอกว่าระหว่างลงไป ไม่ว่าไปไหน ให้ค้นหาผู้สูญหายด้วยส่วนเรื่องการเยียวยาครอบครัว ๕ ผู้สูญหาย ได้ดำเนินการเหมือนกับ ๒๔ รายที่เสียชีวิตและพบร่างแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงขั้นตอนทางกฎหมาย ที่ต้องรอคำสั่งศาลว่าเป็นผู้สูญหาย เมื่อครบ ๒ ปี เมื่อถามถึงพยานวัตถุ ๕๘ รายการ ตรงกับคำให้การพยานบุคคลหรือไม่ และจะสามารถเปิดหลักฐานทุกรายการได้หรือไม่ พล.ร.อ.ชาติชาย กล่าวว่า อยู่ที่กองทัพเรือพิจารณา เพราะทางชุดปฏิบัติครั้งนี้ มีหน้าที่เก็บข้อมูล หลักฐาน ภาพ วิดีโอ ต่างๆ เท่านั้น ส่วนจะเกี่ยวข้องกับสำนวนสอบสวนหรือไม่ เป็นหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สำหรับระยะเวลานั้น ทาง ผบ.ทร. เร่งให้เร็วที่สุด ไม่เกิน ๑ เดือน เมื่อถามว่าสมุดจดคำสั่งการนำเรือ ๑ เล่ม เก็บกู้ขึ้นมานั้น ยังสามารถอ่านรายละเอียดได้หรือไม่ พล.ร.อ.ชาติชาย กล่าวว่า ได้ส่งไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่แล้ว และต้องให้คณะกรรมการหาข้อเท็จจริงฯ ตรวจสอบ เมื่อถามว่างบประมาณในปฏิบัติการครั้งนี้ พล.ร.อ.ชาติชาย กล่าวว่า ทางสหรัฐฯ จะชี้แจงอีกครั้ง แต่ในส่วนของกองทัพเรือไทย ได้คืนงบประมาณให้รัฐบาลไปแล้ว ๙๐ ล้านบาท ส่วนงบที่กองทัพเรือจัดสรรเอง ๑๑๐ ล้านนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยใช้งบประมาณไม่มาก ซึ่งจะมีการชี้แจงต่อไป ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์
