นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ปชป. ฟันธงผลลัพธ์ ยุบพรรคก้าวไกลแน่ ชี้ ๒ ขั้ว ฝ่ายอนุรักษนิยม กับฝ่ายก้าวหน้า หรือเสรีประชาธิปไตย ต้องห้ำหั่น ชิงไหวชิงพริบทางการเมืองต่อไป เหนื่อยทั้ง ๒ ฝ่ายวันที่ ๑๓ มี.ค. ๖๗ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ปชป. ฟันธงผลลัพธ์ ยุบพรรคก้าวไกลแน่ ชี้ ๒ ขั้ว ฝ่ายอนุรักษนิยม กับฝ่ายก้าวหน้า หรือเสรีประชาธิปไตย ต้องห้ำหั่น ชิงไหวชิงพริบทางการเมืองต่อไป เหนื่อยทั้ง ๒ ฝ่ายฟันธง!!! ยุบพรรคก้าวไกล ๑๐๐๐%เสี่ยงทั้งฝ่ายอนุรักษ์ และฝ่ายก้าวหน้าวันที่ ๑๓ มี.ค. การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล แล้วตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค จากกรณีก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า การกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ และใช้เป็นนโยบายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นมติของ กกต.ดังกล่าว ไม่ได้เกินความคาดหมายของผู้คนในสังคม ที่ต่างก็มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า พรรคก้าวไกล จะต้องถูกยุบพรรคอย่างแน่นอน และจะมีการตัดสิทธิ์ทางการเมืองคณะกรรมการบริหารทั้งชุด และยังคาดการณ์ล่วงหน้าว่า จำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล ๔๔ คน ที่ผู้ลงชื่อเป็นผู้เสนอญัตติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ จะถูก ป.ป.ช.สอบเรื่องการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง และอาจมีความผิดถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอีกด้วยจะเห็นได้ว่าสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ เป็นการต่อสู้กัน ๒ ขั้ว ชัดเจน ระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยม กับฝ่ายก้าวหน้า หรือ เสรีประชาธิปไตย ซึ่งต้องห้ำหั่น ชิงไหวชิงพริบทางการเมืองต่อไป ซึ่งการเล่นเกมยุบพรรคก้าวไกลในครั้งนี้จะเหนื่อยกันทั้ง ๒ ฝ่าย ไม่มีฝ่ายใดชนะอย่างเบ็ดเสร็จแน่นอน กล่าวคือในส่วนของพรรคก้าวไกล การถูกยุบพรรคไม่มีหลักประกันใดๆ ว่า พรรคจะโตขึ้นกว่าเดิม เพราะแกนนำของพรรคถูกตัดสิทธิ์ไปจำนวนหนึ่ง สส.ส่วนหนึ่งจะถูกดึงตัวไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น คนที่อยู่ก็เป็นคนรุ่นใหม่มีประสบการณ์น้อย ยังไม่สามารถที่จะนำพาพรรคไปสู่การยอมรับของประชาชนได้เหมือนเดิม การสร้างกระแสยิ่งยุบยิ่งโต อาจไม่เป็นจริงเสมอไปส่วนฝ่ายอนุรักษนิยมที่ต้องการทำลายล้างพรรคก้าวไกลให้หมดสิ้นไป พยายามหาหนทางบอนไซและทำลายพรรคก้าวไกลลงให้ได้ก่อน เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่แคร์ว่าหากยุบพรรคก้าวไกลแล้ว จะมีพรรคใหม่จะโตขึ้น ยึดหลักยุบพรรคก้าวไกลให้ได้ก่อน พรรคใหม่โตขึ้นมาอีก ก็ค่อยหาเหตุยุบพรรคให้ได้อีก อะไรจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องในอนาคตหนทางเดียวที่พรรคก้าวไกลจะเติบโตขึ้นกว่าเดิม น่าจะมาจากเหตุผลผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ที่เคยลงคะแนนให้จำนวน ๑๔ ล้านคน เห็นว่า พรรคถูกกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรม สร้างความเคียดแค้นและคับแค้นใจ ยังคงปักหลักช่วยพรรคตั้งใหม่ที่มาจากก้าวไกลต่อไป ประกอบกับคนกลางๆ ทางการเมืองรู้สึกว่าพรรคก้าวไกลถูกรังแกโดยไม่มีเหตุผล ก็อาจจะเทคะแนนให้พรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้พรรคก้าวไกล ก็จะเดินไปสู่แนวทาง “ยิ่งยุบยิ่งโต”เมื่อ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกลแล้ว ไม่ต้องคิดเป็นอย่างอื่นเลย แม้ว่าผลลัพธ์ยังไม่ออกมา ก็สามารถฟันธงตามแนวทางการเมือง และทิศทางทางการเมืองที่ฝ่ายอนุรักษนิยมต้องการได้เลยว่า พรรคก้าวไกลถูกยุบแน่นอน ๑๐๐๐%.
