Thursday, 19 December 2024

กองทุนต้องมั่งคั่งยั่งยืน

14 Mar 2024
109

กระทรวงแรงงานแสดงความกังวลว่า กองทุนประกันสังคมซึ่งรับผิดชอบต่อสวัสดิการบรรดาลูกจ้างและแรงงานอิสระเกือบ ๒๔ ล้านคน อาจจะประสบภาวะ “ถังแตก” ภายใน ๓๐-๔๐ ปีข้างหน้า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ระบุว่าอาจต้องเพิ่มการจ่ายสมทบกองทุนให้สูงขึ้นอาจเพิ่มขึ้นจาก ๑๕,๐๐๐ บาท เป็น ๒๐,๐๐๐ บาท และเพิ่มอายุของลูกจ้างที่จะต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนจาก ๕๕ ปี เป็น ๖๐ ปี และเสนอแนะให้ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำ การประกันสังคมและกองทุนประกันสังคมเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี ๒๕๓๓ โดยมีวัตถุประสงค์ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆแก่ผู้ประกันตนเริ่มแรกมีลูกจ้างประกันตนประมาณ ๑๐ ล้านคน ได้รับสิทธิประโยชน์ ๗ ประการ ได้แก่ การเจ็บป่วย การคลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต สงเคราะห์บุตร เงินบำนาญและว่างงาน คณะกรรมการบริหารการประกันสังคมในช่วงแรก มีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธานและกรรมการจากหลายหน่วยงานเช่นผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข และผู้แทนสำนักงบประมาณ กับผู้แทนฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ฝ่ายละ ๕ คน ซึ่งรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง ร่วมเป็นกรรมการ จึงมีเสียงวิพากษ์มาตั้งแต่เริ่มต้น เป็นการประกันสังคมเพื่อลูกจ้าง แต่ถูกครอบงำโดยนักการเมือง และข้าราชการมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความไม่โปร่งใส ในการบริหารกองทุนประกันสังคม ระบุว่ากลุ่มลูกจ้างเอกชน ผู้ประกันตนเอง เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องควักเงินจ่าย แต่ได้รับบริการรักษาพยาบาลที่ด้อยกว่าที่กลุ่มข้าราชการได้รับ ทั้งที่ไม่ได้จ่ายเงิน แต่น่ายินดีที่ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการประกันสังคมใหม่ก้าวหน้ามาเป็นการเลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคม จากภาครัฐและฝ่ายผู้ประกันตนเอง คณะกรรมการชุดใหม่สัญญาว่า จะบริหารการประกันสังคม ด้วยความโปร่งใส แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือเงินในกองทุนประกันสังคมที่ร่อยหรอลงไป จนน่าห่วงว่าจะถึงกับถังแตก ไม่มีเงินจ่ายสวัสดิการให้ผู้ประกันตนสิทธิประโยชน์ของการประกันสังคม ที่บรรดาลูกจ้างเอกชน และผู้ประกันตนทั้งหลายมุ่งหวังมากที่สุด คือการรักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วย และเงินบำนาญที่จะเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว หลังจากทำงานมาตลอดชีวิต รัฐบาลจะต้องดำเนินการ ทุกวิถีทางที่จะทำให้กองทุนประกันสังคมดำรงอยู่ตลอดไป.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม