Friday, 15 November 2024

ร่างกฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ คืออะไร ทำไม TikTok อาจโดนแบน?

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายที่อาจทำให้ TikTok โดนแบนทั่วประเทศ หากไม่ยอมขายกิจการภายใน ๖ เดือนเพื่อตัดขาดกับจีนสหรัฐฯ แสดงความกังวลมานานว่า TikTok อาจถูกใช้เพื่อสอดแนมข้อมูลในสหรัฐฯ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเผยหลักฐาน และบริษัทแม่อย่าง ไบต์แดนซ์ ก็ปฏิเสธข้อกล่าวหามาตลอดกฎหมายฉบับล่าสุดของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่การบังคับขายกิจการหรือแบน TikTok แต่ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ต้องเผชิญการท้าทายทางกฎหมายอย่างดุเดือด ทั้งจากไบต์แดนซ์ และผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบเมื่อวันพุธที่ ๑๓ มี.ค. ๒๕๖๗ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่ ที่อาจทำให้ TikTok แอปพลิเคชันเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมของโลก ถูกแบนทั่วประเทศในสหรัฐฯสหรัฐฯ แสดงความกังวลมาอย่างยาวนานเรื่องอิทธิพลของรัฐบาลจีนที่มีต่อ TikTok เนื่องจากบริษัทแม่อย่าง ‘ไบต์แดนซ์’ (ByteDance) มีสำนักงานในกรุงปักกิ่ง และต้องอยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งกำหนดให้บริษัทต่างๆ แบ่งปันข้อมูลกับเจ้าหน้าที่จีน แม้ว่า TikTok จะมีมาตรการต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากเงื่อนไขหลายๆ อย่างทำให้มีโอกาสที่ TikTok จะถูกแบนในสหรัฐฯ หากกฎหมายฉบับนี้ถูกบังคับใช้ แต่การจะแบน TikTok จริงๆ นั้น ต้องเผชิญอุปสรรคหลายด่าน รวมถึงการต่อสู้ทางกฎหมาย และตัวแปรสำคัญคือศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมาถึงในช่วงสิ้นปีนี้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศไว้แล้วว่า เขาจะลงนามบังคับใช้กฎหมายหากมันผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยพยายามหาทางแบน TikTok มาก่อน กลับเปลี่ยนท่าทีคัดค้านร่างกฎหมายล่าสุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ๒ พรรคใหญ่ของสหรัฐฯ TikTok แอปยอดนิยมระดับโลกTikTok เป็นแอปแชร์คลิปวิดีโอสั้นที่ได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว ผู้ใช้สามารถโพสต์หรือแชร์คลิป และแสดงความเห็นต่อวิดีโอได้เหมือนกับยูทูบ ผู้ใช้ยังสามารถตกแต่งคลิปผ่านแอปได้อย่างง่ายได้ ด้วยการใช้ฟิลเตอร์, สติกเกอร์, ดนตรี และเอฟเฟกต์อื่นๆนับตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๒ เป็นต้นมา TikTok ก็ติดอันดับแอปที่มีผู้ดาวน์โหลดมากที่สุดมาตลอด และมียอดผู้ใช้งานรายเดือนในสหรัฐฯ แตะ ๑๕๐ ล้านคนในเดือนมีนาคม ๒๕๖๖เจ้าของ TikTok คือบริษัท ไบต์แดนซ์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ๒๕๕๕ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปักกิ่ง จดทะเบียนบนหมู่เกาะเคย์แมน และมีสำนักงานอยู่ทั่วยุโรปและสหรัฐฯไบต์แดนซ์ ยังเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันอีกหลายตัว รวมถึง ‘โต่วอิน’ (Douyin) แอปรุ่นพี่ของ TikTok ที่ให้บริการเฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ขณะที่ TikTok ให้บริการในหลายประเทศทั่วโลกยกเว้นในประเทศจีน ไมค์ กัลลาเกอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรีพับลิกันทำไมสหรัฐฯ กลัว TikTok?TikTok ก็เหมือนกับแอปเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ ที่มีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน แต่เนื่องจากเจ้าของ TikTok เป็นบริษัทสัญชาติจีนซึ่งต้องอยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ และต้องแบ่งปัญหาข้อมูลให้รัฐบาล ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า TikTok เก็บข้อมูลไปมากแค่ไหนและใครเข้าถึงได้บ้างนายไมค์ กัลลาเกอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรีพับลิกันจากรัฐวิสคอนซิน ระบุว่า การประเมินด้านความมั่นคงแห่งชาติทั้งที่เป็นความลับและถูกเปิดเผยออกมาแล้ว แสดงให้เห็นว่า แอปนี้เป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และเคยถูกใช้เพื่อมุ่งเป้าไปที่นักข่าว และแทรกแซงการเลือกตั้งมาก่อนด้านนาย คริสโตเฟอร์ เวรย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐฯ เคยออกมาพูดเรื่องความกังวลของเขาเกี่ยวกับแอป TikTok และให้การต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า รัฐบาลจีนสามารถใช้แอปนี้ในการควบคุมซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์หลายล้านชิ้นในสหรัฐฯ ได้ ท่ามกลางความกังวลอื่นๆอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ไม่เคยนำเสนอหลักฐานที่บอกว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้ TikTok ในการสอดแนมหรือใช้เพื่อโฆษณาชวนเชื่อออกมา แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะระบุว่า มันเป็นไปได้ในทางทฤษฎีก็ตามไบต์แดนซ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และว่าพวกเขามีมาตรการที่จำเป็นเพื่อรับประกันว่า ลูกจ้างของไบต์แดนซ์ในจีนจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ ได้ แต่การสืบสวนของ วอลล์สตรีทเจอร์นัล พบว่า ข้อมูลยังถูกแชร์อย่างไม่เป็นทางการระหว่าง TikTok ในสหรัฐฯ กับไบต์แดนซ์ในจีนได้ และมีกรณีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วหลายครั้งโดยหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายในวันพุธ TikTok ก็พยายามผลักดันให้กลุ่มผู้ใช้ล็อบบี้สภาคองเกรส โดยส่งข้อความแจ้งเตือน เรียกร้องให้ผู้ใช้งานติดต่อผู้แทนในเขตของตัวเอง ซึ่งเป็นวิธีที่คล้ายกับเมื่อสัปดาห์ ซึ่งผู้ใช้งานแห่โทรศัพท์เข้าไปถล่มสำนักงานรัฐสภานายกัลลาเกอร์ระบุว่า นี่คือข้อพิสูจน์ว่าทำไมร่างกฎหมายนี้จึงจำเป็น “คุณมีพนักงานมากมายถูกถล่มด้วยสายโทรเข้า วัยรุ่นหลายคนโทรมาร้องไห้ คนหนึ่งขู่จบชีวิตตัวเอง และอีกคนปลอมตัวเป็นลูกชายเพื่อนร่วมงานของผม” “สำหรับผมแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่า แพลตฟอร์มนี้ (TikTok) สามารถถูกใช้เป็นอาวุธในอนาคตได้อย่างไร” ร่างกฎหมายใหม่ทำอะไรได้?สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมาย ‘กฎหมายปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยปรปักษ์ต่างชาติ’ (Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act) ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ๓๕๒ ต่อ ๖๕ เสียงร่างกฎหมายฉบับนี้มีข้อกำหนดถอดแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ควบคุมโดยบริษัท ไบต์แดนซ์ ซึ่งรวมถึง TikTok ด้วย ออกจากแอปสโตร์หรือบริการเว็บโฮสติ้ง (web hosting) ทั้งหมดในสหรัฐฯ หากแอปเหล่านั้นไม่ตัดความสัมพันธ์กับไบต์แดนซ์ภายในเวลา ๖ เดือน เป็นการบีบให้บริษัทจีนเจ้านี้ ขายหุ้นของแอปออกไปเพื่อเปลี่ยนเจ้าของ มิเช่นนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯร่างกฎหมายยังวางกระบวนการสำหรับให้ประธานาธิบดี ใช้จัดการกับแอปพลิเคชันต่างชาติที่พวกเขาพิจารณาแล้วว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติได้ และสร้างระบบให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดข้อมูลของตัวเอง และเปลี่ยนไปยังแพลตฟอร์มทางเลือดอื่นๆ ได้ด้วยทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐฯ และให้ประธานาธิบดีลงนามก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้ โดย ส.ว.อาวุโส ๒ คนได้แก่นาย มาร์โก รูบิโอ จากพรรครีพับลิกัน และนายมาร์ก วอร์เนอร์ จากพรรคเดโมแครต ออกแถลงการณ์ร่วมชื่นชมสภาผู้แทนฯ ที่ผ่านร่างกฎหมาย ขณะที่นายไบเดนประกาศไว้แล้วว่าจะลงนาม หากกฎหมายได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรส TikTok ส่อโดนแบน?นายกัลลาเกอร์ย้ำว่า เป้าหมายของร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่การแบน TikTok “สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่การแบน แต่เป็นการบังคับแยกตัว” “ประสบการของผู้ใช้งาน TikTok จะสามารถดำเนินต่อไปและพัฒนาขึ้นได้ ตราบใดที่เจ้าของ TikTok ไม่ใช้ไบต์แดนซ์”แต่ในทางปฏิบัติ มีโอกาสค่อนข้างสูงที่กฎหมายนี้จะทำให้ TikTok ถูกแบนในสหรัฐฯ เนื่องจาก ไบต์แดนซ์จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากรัฐบาลจีนเพื่อขาย TikTok และในอดีตที่ผ่านมา ทั้งไบต์แดนซ์และจีนก็ไม่เคยพิจารณาเรื่องการขายกิจการเลยแม้แต่ครั้งเดียวและถึงแม้ว่าจะได้รับอนุญาต ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีคู่แข่งของ TikTok รายใดหรือใครก็ตาม ที่สามารถซื้อแพลตฟอร์มนี้ได้ เพราะไบต์แดนซ์เคยประเมินว่าแอปพลิเคชันนี้มูลค่าสูงถึง ๒.๖๘ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๙.๕๕ ล้านล้านบาท หรือต่อให้มีนักลงทุนกระเป๋าหนักลงทุนซื้อ การเจรจาซื้อขายก็อาจเสร็จไม่ทันระยะเวลา ๖ เดือน โดนัลด์ ทรัมป์จะแบน TikTok ต้องฝ่าหลายด่านแน่นอนว่า การบังคับขายกิจการ TikTok ของสหรัฐฯ ทำให้เกิดการฟ้องร้องทางกฎหมายอย่างแน่นอน โดย ไบต์แดนซ์ มีเวลา ๑๖๕ วันนับตั้งแต่ประธานาธิบดีลงนามบังคับใช้กฎหมาย ในการยื่นเอกสารฟ้องร้องขณะที่การแบน TikTok ก็ไม่น่ารอดถูกฟ้องร้องเช่นกัน ภายใต้ข้อหาจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ฉบับแก้ไขครั้งที่ ๑ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ผู้พิพากษาสหรัฐฯ ก็เคยขวางความพยายามแบน TikTok ของรัฐมอนทานามาแล้วไม่เพียงเท่านั้น การผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้เองก็อาจเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗ นี้เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้เคยประกาศกร้าวในปี ๒๕๖๓ ว่าจะแบน TikTok ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ กลับเปลี่ยนท่าทีไม่สนับสนุนเรื่องการแบนแล้ว โดยอ้างว่า การแบน TikTok จะทำให้ผู้ใช้หันไปใช้โซเชียลมีเดียที่อันตรายกว่าอย่าง เฟซบุ๊ก ซึ่งเขามองว่าเป็นอันตรายต่อผู้คนเช่นเดียวกับสื่ออีกมากมายอย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า การตัดสินใจของนายทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากเขาพบนายเจฟฟ์ ยาส ผู้บริจาครายใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ซึ่งถือหุ้นไบต์แดนซ์อยู่เล็กน้อยขณะที่ฝ่ายเดโมแครตบางคนก็คัดค้านเรื่องการแบน TikTok เพราะกังวลว่า จะทำให้กลุ่มผู้ใช้งานอายุน้อยของ TikTok ไม่พอใจจนกระทบต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเฉพาะตอนนี้ที่พวกเขากำลังประสบปัญหาในการรักษาฐานเสียงของคนอายุน้อยผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรีที่มา : bbc , npr , sky