Thursday, 19 December 2024

ประธานชุมชนไม่เชื่อ ลุงพล-ป้าหน่อง คนเก็บของเก่า เจอแหวนเพชรในถังขยะ

16 Mar 2024
157

ผู้นำชุมชนที่อุดรธานี ไม่เชื่อว่าลุงพลคนเก็บของเก่ากับเมีย จะเจอแหวนและต่างหูเพชรในถังขยะหน้าร้านขายเครื่องเล่นเกม หลังเจ้าของอ้างถอดห่อทิชชูไว้แล้วสามีหยิบนำไปทิ้ง เผยตอนไปดูภาพวงจรปิดด้วยกันที่โรงพักก็เห็นแค่เท้า และภาพนิ่งตอนป้าทิ้งทิชชูลงพื้น ขณะที่ญาติเผยตอนนี้ทั้งสองเป็นกังวลกลัวจะติดคุกตอนแก่     กรณีนายพล ทองสีสุก หรือลุงพล อายุ ๖๘ ปี และนางวิรุณรัตน์ สารีบุตร หรือป้าหน่อง อายุ ๕๘ ปี สองสามีภรรยาอาชีพเก็บของเก่าขาย ชาวชุมชนฯ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ถูกเชิญตัวไปให้ปากคำกับชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี หลังจากครอบครัวร้านจำหน่ายอุปกรณ์เกมคอมพิวเตอร์ชื่อดังเมืองอุดรธานี เข้าแจ้งความว่าได้เผลอทิ้งแหวนเพชร ๑ วง และต่างหูเพชร ๑ คู่ ลงถุงขยะ แล้วนำไปทิ้งใส่ถังขยะริมถนนเยื้องหน้าร้าน ถนนวัฒนานุวงศ์ เทศบาลนครอุดรธานี เหตุเกิดเมื่อเวลา ๑๖.๓๐ น. วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๗ ก่อนมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าตาพลและป้าหน่องเป็นคนมาเก็บขยะ แต่ทั้งสองยังยืนยันไม่พบแหวนและต่างหู ไม่ได้เป็นคนเห็นและเก็บเอาไว้ ทำให้ทั้งสองรู้สึกกลัวว่าจะต้องถูกดำเนินคดี ล่าสุด เย็นวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ชุมชนฯ เพื่อสอบถามนายชัย ศรีจันทร์เพ็ญ อายุ ๘๔ ปี ประธานชุมชนฯ และนายบุญฤทธิ์ สิงทอง อายุ ๕๒ ปี กรรมการชุมชน ผู้ที่พาลุงพลและป้าหน่อง ไปให้ปากคำกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี โดยมีนางกุศล สีดาพรม อายุ ๕๗ ปี น้องสะใภ้ลุงพล และชาวบ้านมาร่วมให้ข้อมูลนายบุญฤทธิ์ กรรมการชุมชนฯ เล่าว่า คู่กรณี ได้นำภาพวงจรปิดจาก เทศบาลนครอุดรธานี มาให้ดูพร้อมกันในห้องสืบสวน ก็เห็นเพียงแค่ช่วงเท้าเล็กน้อย ซึ่งก็ยังบอกไม่ได้ว่าลูกบ้านตนทั้งสองเป็นคนทำ เขายังเอาภาพจากกล้องหน้ารถชาวบ้านที่อยู่แถวนั้น ที่เขาแคปเป็นภาพนิ่งมาให้ดู เป็นจังหวะที่ป้าหน่องโยนกระดาษทิชชูลงพื้น “คู่กรณียังบอกว่าจะจ่ายเงินให้ ๔๐,๐๐๐ บาท จะจบเรื่องให้เลย ขอเพียงแค่นำของมาคืนให้ จะไม่เอาเรื่องเอาราวใดๆ ซึ่งลุงพลและป้าหน่องก็ยืนยันว่าไม่พบเจอของของเขา ไม่ได้เอาของมีค่าอะไรไป ส่วนตัวเชื่อว่าทั้งลุงพลและป้าหน่องไม่ได้เอาไปตามที่เขาบอก เพราะครอบครัวนี้นิสัยดี ไม่มีประวัติด่างพร้อย” ขณะที่นายชัย ประธานชุมชนฯ กล่าวว่า วันนั้นคู่กรณีมากัน ๓ คน พ่อ แม่ และลูกชายที่เป็น สท.เทศบาลนครอุดรธานี ก็ดูวงจรปิดพร้อมกันทั้งหมด แต่ในภาพก็ไม่เห็นตอนที่ลูกบ้านตนทั้งสองจะมีพิรุธอะไร จากที่ฟังคู่กรณีเล่า ทราบว่าเวลา ๑๒.๓๐ น. ผู้ชายเดินมาเก็บเศษกระดาษทิชชู และดอกไม้แห้งใส่ถุงขยะแล้วเอาไปทิ้ง ส่วนผู้หญิงเขาบอกว่าเช็ดทำความสะอาดแหวนและต่างหู แล้วเอาทิชชูห่อเอาไว้ เมื่อเขารู้ตัว ก็ออกมาหาตอนประมาณ ๑๖.๓๐ น. ไปที่ถังขยะ เพื่อค้นหา ก็มาพบลูกบ้านตนทั้ง ๒ และเกิดเรื่องอลเวงขึ้น “วงจรปิดของเทศบาลมุมกล้องไปไม่ถึงจุดนั้นทั้งหมด เห็นเพียงช่วงล่างของขาเล็กน้อย เห็นกล่องต่างๆ วางไว้ที่พื้น และเห็นเพียงแค่ลูกบ้านผมค้นขยะทิ้งเศษลงพื้นเท่านั้น สอบถามแล้ว พูดคุยแล้ว เขาก็บอกว่าไม่เห็นของมีค่า และไม่ได้เอาอะไร ส่วนตัวก็เชื่อลูกบ้านทั้งสอง เพราะเขาไม่เคยมีประวัติแบบนี้ เก็บของเก่ามานานแล้ว ก็ไม่เคยมีเรื่องลักเล็กขโมยน้อยเกิดขึ้น”นางกุศล อายุ ๕๗ ปี น้องสะใภ้ลุงพล เล่าว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องทั้งสองคนก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เขาเสียใจที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวน กังวลว่าจะโดนจับติดคุกตอนแก่ ที่โรงพักบอกว่าจะเอาเมียแกเข้าคุกให้ได้ กลัวถึงขนาดไม่ออกไปเก็บของเก่า ซึ่งปกติจะออกไปวันละ ๒ รอบ ตอนนี้ลุงพลและป้าหน่องกลัวมาก จึงไม่ออกไปไหน สงสารทั้งสองมาก ตนไม่เชื่อว่าญาติทั้งสองจะประพฤติไม่ดี ไม่เคยลักขโมยของใคร พวกเรารู้ดีว่าพี่ชายและพี่สาวเราเป็นคนดี ได้แต่ให้กำลังใจว่า ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่ต้องกลัว ให้ยืนยันไปเลยว่าไม่ได้ทำ ยังไงเราก็ไม่ติดคุกแน่นอน