แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กๆสำหรับอาการ “จาม” ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งของการป้องกันสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคต่างๆที่เข้ามาในระบบทางเดินหายใจโดยเมื่อร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย กลไกอัตโนมัติก็คือ ร่างกายจะพยายามขจัดหรือขับสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองออกสู่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นทางจมูกหรือปากอย่างรวดเร็วและรุนแรงด้วยการจามสิ่งแปลกปลอมส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการจามก็คือ ควัน ฝุ่น ไรฝุ่น หรือสารก่อภูมิแพ้ที่เล็ดลอดเข้าไปภายในโพรงจมูก ทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณเยื่อบุโพรงจมูก ที่ต้องระวังมากที่สุดคือ ในขณะที่จามจะเกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหน้าอกและกะบังลมอย่างฉับพลัน เราจึงเห็นการจามอย่างรุนแรง จามจนเจ็บหน้าออก หรือแสบจมูกอย่างมากๆ ซึ่งโดยปกติเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย คนเราอาจจะจามติดต่อกันได้ถึง ๓-๕ ครั้ง จนเป็นปกติ หรือขับสิ่งแปลกปลอมออกได้แล้วแต่ก็มีอาการจามที่อาจจะไม่ปกติ อาจจะจามหนักมาก จามทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยน หรือเมื่ออยู่ในอากาศที่เย็นๆ หรือเมื่อเจอฝุ่น โดยเฉพาะ PM ๒.๕ หรือนอกจากอาการจามแล้ว ยังมีไข้ร่วมด้วย อาการจามเรื้อรัง ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรค หรือความผิดปกติที่ไม่ธรรมดาของร่างกายได้ อาการจาม คัน คัดจมูก และมีน้ำมูกไหล ถ้ามีอาการหลายอย่างรวมกันเป็นแพ็กเกจเช่นนี้ ให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่าอาจเป็นสัญญาณของโรคภูมิแพ้ โดยส่วนใหญ่เมื่อจามจะมีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล คันตามผิวหนัง คอ จมูก เพดาน ปาก ซึ่งถ้ามีอาการเช่นนี้บ่อยๆอาจต้องสังเกตตัวเองว่าแพ้อะไร เพื่อได้ทราบถึงสารก่อภูมิแพ้ที่มีอยู่หลายอย่างเช่น เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายไวต่อสารก่อภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว ที่โดยปกติแล้วสารเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายกับคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติ แต่สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ ร่างกายจะไวต่อสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอากาศได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น เชื้อรา ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ อาหาร ฯลฯ ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบัน หากไม่แน่ใจว่าตัวเองแพ้อะไร อาจพบแพทย์เพื่อทดสอบภูมิแพ้ตามโรงพยาบาลเพื่อทราบถึงสาเหตุของการแพ้ที่ถูกต้อง จะช่วยให้ดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้นอาการจาม เป็นไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก อาการจามที่มีไข้ เจ็บคอร่วมด้วย เบื้องต้นอาจสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากไข้หวัด โดยอาการทั่วไปที่สังเกตได้คือ อาจจะมี (หรือไม่มี) ไข้ต่ำๆ ร่วมกับอาการทางจมูกและทางเดินหายใจ ได้แก่ อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ส่วนใหญ่น้ำมูกจะใส มีการจาม เจ็บคอ คอแดง ทอนซิลอาจบวมแดงแต่ไม่พบจุดหนอง มีอาการไอหรือปวดศีรษะร่วมด้วย ซึ่งโดยทั่วไปอาการมักไม่รุนแรง แค่ดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ อาการก็จะดีขึ้น จาม มีไข้สูง มีน้ำมูก มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ อาการจามร่วมกับอาการที่ว่าทั้งหมดนี้ ถ้าช่วงปกติก็อาจสันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนลึก แต่ในปัจจุบัน อาการนี้เข้าข่ายเฝ้าระวัง COVID-๑๙ แม้ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ควรประมาท หากมีอาการไอ จาม มีไข้ มีน้ำมูกและหายใจเหนื่อยหอบ รวมถึงมีประวัติไปในพื้นที่เสี่ยง เช่น พื้นที่แออัด สนามบิน หรือเดินทางไปประเทศอาจเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง เบื้องต้นแนะนำให้ตรวจ ATK หรือทำ RT-PCR เพื่อตรวจหาเชื้อ ในรายที่อาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์ถึงแม้อาการจามไม่ได้ทำให้ถึงขั้นเสียชีวิต แต่หากผู้ที่จามมีเชื้อโรคอยู่ การจามอย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อโรคไปสู่ผู้อื่นได้ ในกรณีที่มีอาการจามบ่อยๆ ควรสวมหน้ากากอนามัยไว้ตลอดเวลาที่อยู่ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันทั้งตัวเอง และหยุดการแพร่กระจายเชื้อการใช้ชีวิตที่ถูกสุขลักษณะ คือ ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงสถานที่แออัด ไม่เอามือสัมผัสหู ตา จมูก ปากโดยไม่จำเป็น ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ รวมถึงพกแอลกอฮอล์เจลและหน้ากากอนามัยติดกระเป๋าไว้ตลอด จะปลอดภัยกว่า.คลิกอ่านคอลัมน์ “สมาร์ทไลฟ์” เพิ่มเติม
Related posts