Thursday, 19 December 2024

จับตา “ยุบพรรค” ดีลอำนาจขยับการเมืองกระเพื่อม : “ก้าวไกล” ยักไหล่ “บิ๊กป้อม” รอช้อน

ร้อนกว่า “โลกเดือด” รุนแรงกว่าฝุ่นควันพิษ PM๒.๕ ในจังหวัดเชียงใหม่ ก็การเมืองไทยนี่แหละตามอุณหภูมิคุกรุ่นจากปรากฏการณ์ “เหนือธรรมชาติ” เรื่องแปลกประหลาดที่ต้องบันทึกไว้ในหน้าใหม่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยฉากแบบที่อดีตผู้นำลี้ภัยต่างแดน ได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยภาพที่ย้อนไปหลายปีก่อนหน้า หลายคนเชื่อว่า ตายแล้วยังไม่มีโอกาสจะได้เห็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไร้ม็อบต่อต้าน ปราศจากพันธนาการ เดินสายไหว้ศาลหลักเมืองอย่างสบายใจ“เอาฤกษ์เอาชัย” ประเดิมออกนอกถ้ำ “จันทร์ส่องหล้า”ก่อนขึ้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวพร้อม “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวคนโปรด มุ่งหน้าขึ้นจังหวัดเชียงใหม่ เหยียบแผ่นดินเกิดในรอบ ๑๗ ปี ไหว้กระดูกพ่อแม่ บรรพบุรุษตระกูลชินวัตร โดยกรมราชทัณฑ์ อนุมัติ “วีซ่าผู้ต้องขังพักโทษ” ให้ค้างคืนนอกสถานกักกันแบบชิลๆระหว่างวันที่ ๑๔–๑๖ มีนาคมแจ้งหมายเป็น “คิวส่วนตัว” แต่ร่อนกำหนดการแน่นเอี้ยดงานราษฎร์–งานหลวง นัวเนียแยกไม่ออก จากที่บอกตั้งใจไหว้บรรพบุรุษ เยี่ยมญาติ เดินสายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่แทรกคิวทั้งเยี่ยมอุทยานหลวงราชพฤกษ์หรือพืชสวนโลก ตรวจสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ ไปดูระดับน้ำที่ฝายน้ำล้น เยี่ยมชมการขุดลอกคูคลองขบวนยาวเป็นหางว่าว อึกทึกคึกคักยิ่งกว่า “พระยาเหยียบเมือง”โดยมี “ตัวประกบอาชีพ” ทั้ง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตำรวจคนดัง รวมทั้ง “ปลัดตุ๋ม” นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯลฯเครื่องประดับ “ศูนย์อำนาจ” ติดสอยห้อยตามไม่ห่างข้าราชการยืนตั้งแถวรอรับ แย่งกันกล่าวรายงาน ตามแอ็กชันอดีตนายกฯโชว์เชิงเก๋า ถ่ายทอดประสบการณ์เชิงบริหาร แนะนำ แกมข้อสั่งการในการบริหารต้นทุนน้ำรับวิกฤติภัยแล้งให้หน่วยงานไปปฏิบัติ ทักษิณ ชินวัตรเหมือนภาพข่าวเก่า ย้อนอดีตยุคนายกรัฐมนตรีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” สถานะของ “เถ้าแก่ใหญ่” ตระกูลชิน ยังเนียนอยู่กับภาพของผู้นำประเทศไทย ผู้คนรายล้อม เครื่องประดับ “ศูนย์อำนาจ” แพรวพราวชาวบ้านร้านตลาด หลับหูหลับตามองยังเห็นว่า “ของจริง”โดยเฉพาะสื่อมวลชนทุกสำนักเฝ้าเกาะติดรายงานข่าวแบบนาทีต่อนาที ไม่ว่าจะแวะกินข้าวซอยเจ้าประจำ ชิมก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านโปรด รายงานสดถี่ยิบยิ่งกว่า “เรียลลิตี้โชว์”ทั้งหมดทั้งปวง เป็นไปตามเป้าปฏิบัติการเขย่ากระแสของโคตรเซียนการตลาดตัวพ่อ ยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่ต้องการโชว์ฉากเปิดตัวอย่างอลังการ ตีปี๊บจังหวะ “รีเทิร์น” กลับมาเป็นผู้เล่นในสนามนักเลือกตั้งอาชีพกระตุ้นกองเชียร์ที่เงียบเหงา ฟอร์ม “เก๋า” ข่มขวัญคู่แข่งทีมเด็กรุ่นใหม่ไฟต์บังคับต้องรีบกู้ฐานที่มั่นตระกูลชิน หมดยุคตีกินจังหวัดเชียงใหม่ อีกนัยหนึ่งการขยับตัวแรงๆของ “เถ้าแก่ใหญ่” ก็เหมือนเป็น “สารคะตะไลต์” ตัวเร่งปฏิกิริยาในเกมดีลอำนาจประเทศไทยเพราะมันชัดเจนว่า “บังเอิญจงใจ” ซะจริงๆ“เถ้าแก่ใหญ่” โผล่เชียงใหม่ ในห้วงจังหวะที่ “ซีอีโอน้อย” อย่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง มีโปรแกรมประชุม คณะรัฐมนตรีสัญจรที่ภาคเหนือ ป้วนเปี้ยนอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยาโอกาสโคจรมาเจอกันของผู้เล่นชุดใหญ่ ทีมรัฐบาลผสมสูตรพิสดารเพื่อไทย “นายกฯในตำนาน” ปะหน้ากับ “นายกฯในตำแหน่ง”ออกตัวล้อฟรียังไง คนก็ยากจะเชื่อว่า ไม่มีการคุยเรื่องการเมืองยิ่งตามท้องเรื่อง “ดีลลังกาวี” กลับมาเป็นกระแสหนาหู ล้อไปกับสถานการณ์ของอดีตผู้นำพี่น้องตระกูลชิน “ทักษิณ–ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” รอดพ้นบ่วงพันธนาการ หลุดวิบากคดีสำคัญๆ อย่างต่อเนื่อง“ได้” ไปเยอะแล้ว ก็ต้องยอม “เสีย” เป็นของแลกเปลี่ยน ตามวิสัยธรรมชาติดีลอำนาจ การแชร์ผลประโยชน์เก็บต๋งประเทศไทย ไม่มีทางได้อยู่ฝ่ายเดียว ประกอบเงื่อนไขไฟต์บังคับฝ่ายอนุรักษ์นิยมต้องกอดคอ “มัดข้าวต้ม” รักษาสมบัติปู่โสมฯ ยื้อแย่งกับเกมบุกของกองทัพเด็กรุ่นใหม่ห้าม “วงแตก” ฟัดกันแย่งชามข้าวจะเข้าทางพรรคก้าวไกล “นายใหญ่–นายหญิง” ต้องจูนกับ “ลุงพี่ใหญ่–ลุงน้องเล็ก ๒ ป.” เคลียร์กับ “บิ๊ก ด ผู้แรงฤทธิ์” เกลี่ยเค้กให้ลงตัว สลับคิวกันให้ลงล็อก“เถ้าแก่ใหญ่” ได้สิทธิ์เป็นมือแรกแล้ว ต้องมีจังหวะสลับให้อันดับถัดไปเกมแลกขุน หมากแลกม้า หรือสละเรือ ก็ว่าไปอีกทั้งยังมีปัจจัยสำคัญ ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์รัฐบาลผสมสูตรพิสดาร นำโดยพรรคเพื่อไทย ยัง “ปั่นแต้ม” ไม่ขึ้น สภาพผู้นำอย่างนายเศรษฐาติดหล่มอำนาจเชิงซ้อน “นายกฯ ๒–๓ คน” โชว์ฟอร์มบริหารไม่ออกสถิติฟ้องจากข้อมูลมาตรฐาน ล่าสุดศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ สะท้อนเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำต่อเนื่อง ส่งผลให้การฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-๑๙ จมบ๊วยอยู่ในกลุ่มท้ายๆจาก ๑๘๙ ประเทศทั่วโลกการบ้านโคตรยาก เกมอำนาจการเมืองฉุดเศรษฐกิจดำดิ่ง คะแนนนิยมรัฐบาลเพื่อไทยติดลบ “เข้าเนื้อ” ลึกเข้าไปทุกขณะ โจทย์สถานการณ์ท้าทาย ระดับโคตรเซียนการเมืองอย่าง “ทักษิณ” ที่อ่านหมากทะลุ ๓–๔ ช็อต ต้องชิงปรับเกม กู้แต้มศรัทธาก่อนจะดิ่งจนฉุดไม่ขึ้นจำเป็นต้องยื้อไพ่ใบท้ายๆในมือ ประคองดุลเกมต่อรองดีลอำนาจมันคือภาคบังคับ “เถ้าแก่ใหญ่” ต้องกดปุ่มปรับ ครม. ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในทีมบริหารรัฐบาลในจังหวะสึนามิใหญ่ กระตุกคลื่นการเมืองกระเพื่อมหนักจากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณายุบพรรคก้าวไกล โทษฐานล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามหัวเชื้อชนวนจากการโดนศาลรัฐธรรมนูญลงดาบ ข้อหากองทัพส้มมีพฤติการณ์ “เซาะกร่อน บ่อนทำลาย”กกต.เล่นเกมเร็ว อย่างช้า ๒ เดือน อย่างไวแค่สัปดาห์เดียวชัวร์ยิ่งกว่า “ไฮโลเปิดถ้วยแทง” ไม่ต้องลุ้นเสียว ตามอาการแบบที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ต้องเจอคำถามแรก บอกปัดการยุบพรรคก้าวไกลตามใบสั่ง อ้างอิงขั้นตอนหน้าที่ตามกฎหมายขณะที่จำเลยอย่างพรรคก้าวไกลรู้คำตอบล่วงหน้า แค่บ่นดังๆให้ได้ยินกันทั่วโลก การยุบพรรคไม่น่าจะมีในสารบบการเมืองไทย เพราะอารยประเทศไม่มีการให้อำนาจกับคณะบุคคล องค์กรที่เป็นผลผลิตจากการแต่งตั้ง มาทำลายพรรคการเมืองที่เป็นอุดมการณ์ร่วมของประชาชนตอกย้ำความไม่สมเหตุสมผล ประจานเกมอำนาจพิลึกกึกกือพร้อมๆไปกับการเล่นแต้ม ถือโอกาสโชว์ผู้เล่นแถวสามนำทัพต่อ อย่าง “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรค “แบงค์” ศุภนัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. “ผึ้ง” พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการตามบทของ “ตัวเรียกแต้ม” ที่พร้อมใช้งานได้ไม่ว่าสถานะไหน ฟอร์มแบบที่ “หนุ่มทิม” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล รีบเปลี่ยนคิวลงพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจประชันแต้มกับ “ทักษิณ” ท้าวัดความนิยมกับ “เศรษฐา”อารมณ์แบบที่ผู้นำจิตวิญญาณ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช เจ้าแม่ส้ม โชว์อาการ “ยักไหล่”ไม่ยี่หระ ยิ่งทุบยิ่งโต ยิ่งยุบยิ่งบานสถานการณ์ได้เปรียบ ถือแต้มต่อในเกมชิงกระแสทีมคนรุ่นใหม่พร้อมยืนระยะวัดเกมยาวๆกับฝั่งอนุรักษ์นิยม กองทัพก้าวไกลมั่นใจกับกระแสส้มทั้งแผ่นดิน ตีกินเมืองกรุง รุกหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด แม้แต่บ้านใหญ่หัวเมืองไกลปืนเที่ยง ยังต้องต่อแถวแย่งเสื้อวินเปิดสนามเลือกตั้งเมื่อไหร่ รับประกันความชัวร์เชื่อขนมกินได้ตามรูปการณ์ ยุทธการยุบพรรคก้าวไกลอาจไม่ส่งผลกับการเมืองในระยะยาว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันจะเสริมแรงกระตุก “ดีลอำนาจ” ในฝ่ายอนุรักษ์นิยมในมุมที่ “สมการตัวเลข” ส่อเปลี่ยนแปลง ตามเค้าลางแบบที่มีคำถามร้อนๆ สส.พรรคก้าวไกล กว่า ๑๐ คน ดอดเข้าพบ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ประวิตร วงษ์สุวรรณลงรายละเอียดชัดถึงขั้นไปคุยกันที่คฤหาสน์ของพี่ใหญ่ย่านมีนบุรีอาการแบบที่ “เดอะต๋อม” นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค และนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล บอกปัด ไม่น่ามีงูเห่า เพราะมีตัวอย่างมาแล้วจากคนทรยศค่ายส้ม ไร้ที่ยืนในสนามเลือกตั้งแต่ก็ไม่ปฏิเสธแบบเต็มปากเต็มคำซะทีเดียว นั่นก็เพราะอิทธิฤทธิ์ของถุงขนม “สีเทา” มันยั่วยวนกว่าอุดมการณ์สีส้ม อารมณ์ของ “สามล้อถูกหวย” มันเกิดขึ้นได้กับมวยโนเนมที่โหนกระแสมาที่สำคัญไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกล มันยังมีคิวของค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย ที่ติดเงี่ยงของ “เสี่ยโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรค ที่โดนศาลรัฐธรรมนูญลงดาบคดีซิกแซ็กหุ้นบริษัทนอมินีเส้นทางนัวเนียเงินบริจาคให้พรรค แบบ “ธนาธร” ให้กู้พรรคอนาคตใหม่ คดีเทียบเคียงชัดๆถ้าค่ายเซราะกราวไม่โดนยุบ จะกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองไทยอวดชาวโลกได้เลยและถ้ายุบค่ายเซราะกราว ด้วยสัมพันธ์และคอนเนกชันดั้งเดิมตั้งแต่รัฐบาลทหารเฒ่า ๓ป. ทางเลือกของทีมภูมิใจไทยน่าจะฝากเลี้ยงกับ “บิ๊กป้อม” ลงตัวกว่าใครเขย่าไป เขย่ามา กลายเป็น “พี่ใหญ่” ที่รอช้อนแต้ม เปลี่ยนสมการการเมืองใหม่สไตล์ตีมึน ไม่รู้ ไม่รู้ เดินเหินกระย่องกระแย่ง อาศัยใจบันดาลแรงแต่ลูกไหลเข้าทางบาทา ตีลังกาซัลโวลืมแก่เลยก็แล้วกัน.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม