“กฤษณะพงศ์” บุกร้อง ประธาน ก.ร.ตร. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ “เรวัช กลิ่นเกษร” ไลฟ์สด มีอคติ ปราศจากความเป็นกลาง ทำภาพลักษณ์ สตช.ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวหา เมื่อวันที่ ๕ เม.ย. ๖๗ พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธาน คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ที่สำนักงานจเรตำรวจ เลขที่ ๗๐๑/๗๐๑ ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. เพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติและจริยธรรม ของ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ปัจจุบันเป็น ๑ ในคณะกรรมการ ก.ร.ตร. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ เคยยื่นเรื่องร้องเรียนให้ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ดำเนินการทางวินัยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ให้คนลงลายมือชื่อปลอมในการซ้อมย่อยและซ้อมใหญ่เพื่อรับพระราชทานปริญญาและเข็มวิทยฐานะ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ ๖๕ รวมทั้งดำเนินการกับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุน หรือเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติมาตรา ๕๐ และมาตรา ๕๑ เมื่อวันที่ ๒ เม.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านคุณสมบัติของ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร คณะกรรมการ ก.ร.ตร. ในการพิจารณาหรือมีมติเรื่องที่ตนเอง ได้ยื่นดำเนินการทางวินัยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตำรวจกับพวกไปในครั้งที่แล้ว เนื่องจากตรวจพบว่า มีคลิปหลักฐานซึ่ง พล.ต.ท.เรวัช ได้ทำการไลฟ์สด และให้สัมภาษณ์ออกสื่อต่างๆ ในลักษณะการมีอคติ ปราศจากความเป็นกลาง เข้าข้างใดข้างหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด อันส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของพี่น้องประชาชน จนภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะผู้ถูกกล่าวหาเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ กำลังตกเป็นผู้ต้องหากระทำผิดกฎหมายอาญา ไม่ควรแสดงทัศนคติโน้มน้าว ให้ประชาชนคล้อยตาม เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ ยังให้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องที่ พล.ต.ท.เรวัช มักทำการไลฟ์สดนอกสถานที่ ทั้งๆ ที่ปฏิบัติงานเป็นกรรมการ ก.ร.ตร. ซึ่งตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.ท.เรวัช จะต้องได้เงินเดือนตอบแทนจากการปฏิบัติงานทุกเดือน ตามที่ทางราชการออกให้ นอกจากนี้ที่ผ่านมา พล.ต.ท.เรวัช ยังไลฟ์สดเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ข่าวสารความขัดแย้งต่างๆ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นการขัดต่อคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สั่งให้ข้าราชการตำรวจ หรือบุคคลในองค์กรงดให้ขาวต่อสื่อสาธารณะ ตามบันทึก ข้อความด่วนที่สุด เลขที่ ๐๐๐๑(ผบ)/๔๘ ลงวันที่ ๒๓ ก.พ. ๖๗ เรื่องกำชับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพ ต่อสื่อมวลชน จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ.
