Thursday, 19 December 2024

คณะพูดคุยสันติสุข ติวเข้มทีมงาน ก่อนประชุมร่วม BRN ๒๘-๓๐ เมษายนที่มาเลย์

คณะพูดคุยสันติสุข ติวเข้มคณะทำงานเน้นเชิงปฏิบัติการ สร้างเอกภาพทางความคิดสร้างความเข้าใจในรายละเอียดของแผน ร่วมสร้างสันติสุข จชต. หรือ JCPP ก่อนประชุมฝ่ายเทคนิคกับ BRN ปลายเดือนเมษายนนี้ ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ ๕ เม.ย. ๖๗ พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อยที่ ๔ และหน.ฝ่ายเทคนิคในคณะพูดคุยสันติสุข กล่าวถึงการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการที่กทม.ระหว่างวันที่ ๔-๕ เมษายนที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเอกภาพทางความคิดและสร้างความเข้าใจให้ไปในทิศทางเดียวกันให้กับผู้ประสานงานในคณะพูดคุยฯ ต่อรายละเอียดในแผนปฏิบัติการร่วมสร้างสันติสุข หรือ JCPP (JOINT COMPREHENSIVE PLAN TOWARDS PEACE) ซึ่งเป็นรายละเอียดในการทำงานของทั้งสองฝ่ายในแต่ละช่วงเวลา ทั้งในเรื่องการลดความรุนแรง การปรึกษาหารือสาธารณะ และการหาทางออกจากความขัดแย้ง ซึ่งการดำเนินการใน ๓ เรื่องดังกล่าวจะมีขึ้น หลังคณะพูดคุยฯ และ BRN สามารถบรรลุข้อตกลงและลงนามร่วมกันในแผน JCPP  แม่ทัพน้อยที่ ๔ กล่าวถึงการประชุม เป็นลักษณะของการรับฟังความเห็นจากผู้ประสานงานในคณะพูดคุยฯ ในประเด็นที่ยังมีความเข้าใจไม่ตรงกัน รวมถึงเรื่องที่ต้องไม่ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดในแผน JCPP ของคณะพูดคุยฯ หลังมีข่าวที่สร้างความสับสนทั้งในเรื่องข้อเรียกร้องของ BRN ที่มีข้อเสนอให้ปล่อยตัวนักโทษที่อยู่ในเรือนจำ หรือในเรื่องของการให้ความคุ้มครองความปลอดภัยต่อสมาชิก BRN ที่จะเดินทางเข้ามาร่วมทำกิจกรรมใน จชต. หากมีการลงนามใน JCPP ซึ่งขึ้นอยู่กับการหารือด้านเทคนิคในรายละเอียดจากทั้งสองฝ่าย”ในการประชุมเราได้มาทบทวนร่วมกันมีประเด็นไหนบ้างที่ต้องมาลงรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้สังคมเกิดความสับสน เช่นในเรื่องการให้ความคุ้มครองความปลอดภัย และในเรื่องของการปรึกษาหารือสาธารณะ โดยในเรื่องการคุ้มครองความปลอดภัย ต้องมีการลงรายละเอียดเพิ่มเติมให้สังคมได้เข้าใจว่าในการคุ้มครองนั้น จะคุ้มครองเป็นรายกรณี เฉพาะบุคคลที่จะต้องมาเกี่ยวข้องกับการพูดคุยเพื่อสันติสุขในพื้นที่ของประเทศไทย” พล.ท.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของการปรึกษาหรือสาธารณะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสารัตถะสำคัญในแผน JCPP ต้องมีการออกแบบรูปแบบของเวทีสาธารณะในการรับฟังความคิดเห็นของปชช.ในพื้นที่ กำหนดรายละเอียดของการมาเปิดเวทีว่าในเวทีแบบปิดจะมีเวทีลักษณะไหน เวทีแบบเปิดจะมีลักษณะอย่างไร เป็นการคิดกรอบไว้ล่วงหน้า เพื่อใช้ในการพูดคุยด้าน นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาฯ สมช. ในฐานะ หน.คณะพูดคุยฯ ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการประชุมเชิงปฏิบัติการตลอดช่วง ๒ วัน ซึ่งในที่ประชุมได้มีการปรับแก้ถ้อยคำใน JCPP ในส่วนที่อาจสร้างความสับสน ให้มีรายละเอียดรัดกุมรอบคอบ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมด แม่ทัพน้อยที่ ๔ กล่าวคณะทำงานฝ่ายเทคนิคจะนำไปพูดคุยกับ BRN ซึ่งจะมีการหารือกันครั้งที่สามช่วงปลายเดือนนี้ ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ เมษายน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย  “JCPP เป็นเพียงแค่เอกสารที่ใช้เป็นกรอบเป็นแนวทางที่จะนำมาใช้ในการพูดคุย ประเด็นหัวข้อที่ปรากฏอยู่ในร่าง JCPP เป็นเพียงหัวข้อที่เขียนขึ้นมาเป็นตุ๊กตา แต่ยังไม่นำไปสู่การปฏิบัติ เพราะฉะนั้นเอกสาร JCPP ไม่ถือว่าเป็นเอกสารที่มีผลผูกพันใดๆ ทางกฎหมาย เป็นเพียงแค่แนวทางที่เราจะนำมาใช้ ในการพูดคุยกับฝ่าย BRN” พล.ท.ปราโมทย์ กล่าว และย้ำการพูดคุยสันติสุขกับ BRN เป็นการพูดคุยภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญของไทย พล.ท.ปราโมทย์ คาดหวังว่า การพูดคุยของฝ่ายเทคนิคในปลายเดือนนี้จะมีความคืบหน้ามากขึ้น ซึ่งในการพูดคุยครั้งที่สองช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา (๗-๘ มีนาคม ๖๗) ทางผู้อำนวยความสะดวกมาเลเซีย Gen Tan Sri Zainal Abidin อดีต ผู้บัญชาการทหารบกมาเลเซีย ได้วางกรอบเพื่อให้กรอบ JCPP ของทั้งสองฝ่ายสามารถเดินหน้าต่อไปได้   “คิดว่าในการพูดคุยครั้งใหม่นี้ มีความพยายามสร้างบรรยากาศให้มีความเป็นกันเองมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้น เราก็จะยึดแนวทางที่มีการคุยกันไว้เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อมาเดินหน้าจัดทำรายละเอียดให้ได้มากที่สุด” แม่ทัพน้อยที่ ๔ กล่าว และได้ตั้งข้อสังเกตถึงเหตุความไม่สงบในจชต.ช่วงรอมฎอนปีนี้ ยังมีการก่อเหตุร้ายอย่างต่อเนื่องจากกำลังติดอาวุธในพื้นที่ว่า ช่วงรอมฎอนกว่า ๒๐ วันที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุความรุนแรงยังมีความพยายามที่จะก่อเหตุ โดยเฉพาะการก่อเหตุพร้อมกันหลายจุดเมื่อ ๒๒ มีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุดก็มีการลอบสังหาร อาสาสมัครทพ.หญิง เป็นตัวบ่งชี้บอกถึงความพยายามก่อเหตุในช่วงรอมฎอนของขบวนการ ซึ่งนโยบายของกองทัพภาคที่ ๔ สน. ก็มีการกำหนดมาตรการดูแลพื้นที่ให้มีความปลอดภัยสูงสุด ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนด้วยพล.ท.ปราโมทย์ กล่าวถึงการสั่งการของพล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ ๔ เพิ่มความเข้มข้นและเข้มงวดมากขึ้นประสานบูรณาการในการทำงานกับทุกฝ่าย ในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญ   “ในทุกปีที่ผ่านมามีความพยายามก่อเหตุร้าย โดนอาศัยเวลาในช่วงนี้ก่อเหตุกับจนท.รัฐมากขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องของมาตรการในการป้องกัน มาตรการในการปฏิบัติเพื่อป้องกันการถูกเข้าโจมตี ทางกองทัพให้ความสำคัญในการวางระบบดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องปชช. และในช่วงหลังรอมฎอนก็จะเข้าช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายอ ต่อเนื่องด้วยเทศกาลวันสงกรานต์ ทางกองทัพภาคสี่ มีทั้งแผนในเรื่องการรักษาความปลอดภัยและแผนในการจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมในจชต.”