ช่วงนี้อุณหภูมิเมืองไทยร้อนกันตับแลบทุกภาคเลยทีเดียว ร้อนสูงสุด ๔๐-๔๒ องศาเซลเซียส เหมือนอยู่ในประเทศทะเลทราย ในอนาคตถ้าร้อนถึง ๕๐ องศาเซลเซียสก็ไปอยู่นอกอาคารไม่ได้ อาจถึงตายได้ เป็นวาระเร่งด่วนที่รัฐบาลต้อง “เร่งพัฒนาจิตสำนึก” ทั้งของ “รัฐบาล” และ “ประชาชน” ให้ตระหนักถึง ภัยร้อนจากการตัดไม้ทำลายป่าและแหล่งนํ้า ด้วยการ ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ให้ป่าและต้นไม้ช่วยลดความร้อนลงมา แทนที่จะปล่อยให้เผาป่าจนเสื่อมโทรมเพื่อเอาที่ดินไปทำ ส.ป.ก. เอื้อนายทุนวันเสาร์สบายๆวันนี้ ผมชวนท่านผู้อ่านไปคุยเรื่อง อุณหภูมิในอนาคตของประเทศไทย กันนะครับ จะร้อนกว่า ๔๐ องศาที่เราเผชิญกันในวันนี้แน่นอนดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญ IPCC เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประธานกรรมการบริหาร Futuretales LAB MQDC ได้ส่งข้อมูลเรื่องอากาศร้อนมาเล่าสู่กันฟังว่า ระหว่าง ๒-๙ เมษายนนี้ อุณหภูมิสูงสุดมากกว่า ๔๐ องศาในหลายพื้นที่ และคาดว่า ๘ เมษายนนี้ จะเป็น “วันที่ร้อนที่สุด” ก่อนสงกรานต์ปีนี้ ช่วงสงกรานต์อุณหภูมิจะลดลงมาเล็กน้อย และอาจเพิ่มขึ้นหลังสงกรานต์ ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป ด็อกเตอร์เสรี ระบุว่า จังหวัดที่มีอุณหภูมิสูงสุดในปัจจุบันคือ “สุโขทัย” มีอุณหภูมิสูงสุดที่ ๔๙.๑ องศาเซลเซียส และ จะเป็นจังหวัดที่มีอุณหภูมิสูงสุดในอนาคตด้วย (ร้อนสุดขีดทั้งจังหวัด)จากข้อมูลกรมอุตุฯในอดีต จ.สุโขทัย เคยมีอุณหภูมิสูงสุด ๔๔.๕ องศา อยู่ในอันดับ ๓ เมื่อ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๙ และอยู่ลำดับที่ ๖ ร้อน ๔๔ องศา เมื่อ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙จังหวัดที่มีอุณหภูมิสูงสุดรองลงมาตามลำดับ (รองจากสุโขทัยที่สูงสุด ๔๙.๑ องศา) ภาคกลาง คือ พิจิตร ๔๘.๗๔ องศา ชัยนาท ๔๘.๔๘ องศา นครสวรรค์ ๔๘.๐๘ องศา ภาคอีสาน คือ มหาสารคาม ๔๗.๘๕ องศา ขอนแก่น ๔๗.๕๖ องศา นครราชสีมา ๔๖.๑๙ องศา ภาคเหนือ คือ ลำปาง ๔๗.๑๙ องศา ลำพูน ๔๗.๑๓ องศา ส่วนพื้นที่ กรุงเทพมหานคร อุณหภูมิสูงสุด ๔๔.๙๐ องศา ผลที่กระทบที่ตามมาคือ ภัยคุกคามที่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ เช่น คลื่นความร้อน ภัยแล้ง ฝนตกหนัก นํ้าท่วม นํ้าทะเลหนุน ทุกภาคส่วนธุรกิจ สังคมเมืองและชนบท จะได้รับผลกระทบมากน้อยในช่วงเวลาต่างกัน ขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมโดยไม่ประมาทดร.เสรี ได้ตั้งคำถามว่า ในอนาคตจะมีจังหวัดไหนที่จะร้อนสุดขีดแตะ ๕๐ องศาเซลเซียสหรือไม่ พร้อมกับให้คำตอบในฐานะผู้เชี่ยวชาญ IPCC ว่าจากการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศพบว่า มีความเป็นไปได้น้อยที่ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิแตะ ๕๐ องศาเซลเซียส จากการประเมินฉากทัศน์จากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ละเอียดสูงพบว่า ภายใต้ฉากทัศน์ BAU (Business as usual) ที่ความร่วมมือระหว่างประเทศไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามข้อตกลงปารีสได้ (จำกัดอุณหภูมิไม่ให้เกิน ๑.๕-๒ องศาก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม) อุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ที่ ๔๙.๐๑ องศาในอีกประมาณ ๖๐ ปีข้างหน้า หากความร่วมมือเกิดขึ้นตามรายงานที่แต่ละประเทศส่งมา ล่าสุด จะทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงสุดแตะที่ ๔๖ องศา และท้ายที่สุด หากโลกสามารถบรรลุข้อตกลงปารีสได้ จะทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงสุดแตะที่ ๔๔.๗๕ องศา ทั้ง ๓ ฉากทัศน์อุณหภูมิสูงสุดจะเปลี่ยนไปความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศในแต่ละปี ทั้งเอลนีโญ ลานีญา ภูเขาไฟระเบิด การปล่อยพลังงานจากดวงอาทิตย์แต่ จำนวนวันที่ร้อนเกิน ๔๐ องศาเซลเซียสในรอบปี จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจุบัน ๙ วันจะเพิ่มเป็นประมาณ ๗๕ วัน และเดือน มีนาคม-เมษายน-พฤษภาคม จะมีวันร้อนเกิน ๔๐ องศาเซลเซียสมากกว่า ๒๕ วันฟังแล้วก็หนาวนะครับ นี่คืออีกหนึ่ง “วาระแห่งชาติ” ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขเป็นการด่วน วันนี้เราอยู่ในอุณหภูมิร้อนกว่า ๔๐ องศา เพียง ๙ วัน แต่ในอนาคตจะเพิ่มขึ้นเป็น ๗๕ วันสองเดือนครึ่ง เราจะใช้ชีวิตกันอย่างไร ประเทศไทย จะมี “ทะเลทราย” เกิดขึ้นหรือไม่.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม
