Saturday, 21 December 2024

ชื่นชม “หลานม่า” ของ GDH “หนังเศร้า” ที่ดูแล้ว “สุขใจ”

08 Apr 2024
122

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทแกรมมี่ ทั้งเชิญและชวนให้ไปชมภาพยนตร์ไทย ที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ว่าเป็นภาพยนตร์ยิ่งใหญ่มากเรื่องหนึ่ง สร้างโดยบริษัท GDH ในเครือของแกรมมี่นั่นเอง และจะมีการจัดฉายรอบพิเศษในโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอนผมเองไม่ได้เข้าไปดูหนังในโรงหนังมานานมากแล้วครับ ตั้งแต่ก่อนโควิดระบาดเสียด้วยซ้ำ เมื่อมาเจอโควิดเล่นงานอย่างหนัก ๒ ปี เกือบ ๓ ปี ทำให้ผมต้องห่างเหินจากโรงภาพยนตร์ไปร่วมๆ ๕ ปีเมื่อแรกที่ได้รับเชิญผมก็ยังบ่ายเบี่ยงอยู่ เพราะชื่อภาพยนตร์ที่ทางแกรมมี่ และ GDH จะจัดฉายนั้น ผมไม่ค่อยอินเท่าไรนัก เรื่อง “หลานม่า” หรือ “อาม่า-อาซิ้ม” อะไรก็ไม่รู้ แถมยังลือกันว่าเป็นหนังเศร้ามาก คนไม่ชอบเศร้า แต่ชอบความร่าเริงแบบผมเลยชักรู้สึกหวั่นๆแต่โดยเหตุที่ผมห่างเหินโรงหนังไปเสียนาน ทำให้รู้สึกคิดถึงบรรยากาศ จึงตอบรับคำเชิญชวนไปก่อนพร้อมกับคิดล่วงหน้าว่าหากภาพยนตร์ไม่สนุกก็จะถือโอกาสหลับสัก ๒ ชั่วโมง ในโรงหนังนั่นเลยอีกเหตุหนึ่งที่บ่ายเบี่ยงตอนแรก เพราะผมห่างเหินวงการหนังไทยมานาน ไม่รู้จักดารา ไม่รู้จักผู้กำกับ…อ่านรายชื่อเจอว่าพระเอกเรื่องนี้ชื่อ “บิวกิ้น” พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ผมก็อุทานว่า “ใครหว่า” ดารานำ ที่จะเป็นตัวเอก หรือตัว “อาม่า” ก็เป็นดาราใหม่ มาแคสต์ตัวแสดงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ส่วนดาราสมทบอื่นๆที่เขาใส่ชื่อมานั้น ผมรู้จักอยู่เพียงคนเดียวคือ “ดู๋” สัญญา คุณากรตัวผู้กำกับ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผมก็ไม่รู้จักอีก เพราะไม่ได้ดูหนังของ GDH เลยในช่วงหลังๆ แต่พอเห็นชื่อ ผู้อำนวยการสร้าง จิระ มะลิกุล ผมค่อยเบาใจ เพราะเป็นแฟน “เก้ง” มาหลายเรื่อง รวมถึง “มหาวิทยาลัยเหมืองแร่” ที่ชอบมากที่สุดก็ได้แต่หวังว่า เมื่อมี “เก้ง” จิระ มะลิกุล มาเป็น ผู้อำนวยการสร้าง ซึ่งแปลว่าจะเป็นผู้ควบคุมดูแลในภาพรวมทั้งหมดของหนังเรื่องนี้ …เขาคงจะไม่ปล่อยให้หนังผ่านออกมาอย่างสุกเอาเผากินแน่นอนแล้วผมก็ไปดูตามเวลาที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์แกรมมี่เชิญไว้คือ บ่าย ๔ โมง ของวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๗ ณ โรงภาพยนตร์ พารากอน ดูตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเวลา ๒ ชั่วโมงเศษ ไม่ได้หลับเลยแม้สักงีบเดียวยิ่งดูก็ยิ่ง “อิน” ไปกับบทบาทการแสดงของพระเอก “บิวกิ้น” ที่คนตกยุคอย่างผมไม่รู้จัก ยิ่งดูก็ยิ่งอินกับบทบาทดาราใหม่ อุษา เสมคำ “อาม่า” ซึ่งแสดงได้ราวกับมืออาชีพดาราสมทบอื่นๆก็เข้ามามีบทบาทเสริมเติมแต่ง ทำให้ภาพยนตร์ทั้งเรื่องดูสนุก และชวนให้ติดตามโดยไม่รู้สึกเบื่อแม้แต่วินาทีเดียวเนื้อหาดูเหมือนจะเป็นเรื่องในครอบครัวธรรมดาๆของคนจีน ที่ป่วยใกล้ตายแต่มีสมบัติบ้างเล็กน้อย จึงเป็นที่ปรารถนาของลูกๆหลานๆโดยเฉพาะหลานบิวกิ้น ที่ทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จสักอย่าง เผอิญไปเรียนรู้บทเรียนจากญาติสาวอีกคน ที่ไปดูแลอาก๋งชาวจีนของเธอจนได้มรดกก้อนมหาศาลจากอาก๋งท่านนั้นพระเอกบิวกิ้นจึงลอกเลียนกลวิธีมาใช้เพื่อหวังจะผูกใจอาม่า ซึ่งอาจไม่รํ่ารวยนัก แต่อย่างน้อยก็มีตึกแถวราคาเป็นล้านอยู่หนึ่งห้องพระเอกจึงเข้าไปดูแลอาม่าที่เป็นโรคมะเร็งด้วยความหวังที่จะได้ห้องแถวห้องนั้น…นี่คือจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมดทั้งปวงแต่หลังจากดูแลกันไปถ้อยทีถ้อยเสียดแทงกันไปมา เพราะอาม่า ก็เหมือนจะรู้แกวว่าบิวกิ้นจะมาไม้ไหน? ทว่าในที่สุดความใกล้ชิด ความผูกพันก็กลายเป็นความรัก ความเข้าใจ นำไปสู่จุดสะเทือนใจถึงขั้นต้องใช้ทิชชูในตอนจบสรุปก็คือ ดีมากครับ “เก้ง”…ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ขอปรบมือ ให้ก่อนคนอื่น…ตามมาด้วยผู้กำกับ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์สำหรับพระเอก “บิวกิ้น” ขอชมว่า “เก่งมาก” น้องไม่ใช่คนหล่ออย่างเดียว ไม่ใช่ขวัญใจวัยรุ่นอย่างเดียว…น้องมีสายเลือดนักแสดงเต็มตัว สวมวิญญาณหลานเจ้าเล่ห์ได้อย่างน่ารักน่าชังแบบไม่มีที่ติภาพยนตร์ “หลานม่า” เริ่มฉายมาตั้งแต่วัน “เช็งเม้ง” ๔-๕ เมษายนโน่นแล้ว ได้ข่าวว่ากระแสตอบรับดีมาก ขอให้ฉายไปยาวๆทะลุไปถึงเดือนพฤษภาคม ได้ทั้งเงินทั้งกล่องนะครับ.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม