Thursday, 19 December 2024

วิบากกรรมดีล AUKUS

ข้อตกลงความมั่นคง AUKUS สามฝ่ายออสเตรเลีย-อังกฤษ-สหรัฐฯ ถูกตั้งคำถามอย่างต่อเนื่องถึงความเหมาะสม โดยเฉพาะประเด็นที่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์รุ่นใหม่ “เอสเอสเอ็น ออกัส” ที่จะต่อให้ออสเตรเลีย มีกำหนดส่งมอบในอีก ๑๖ ปีข้างหน้าโดยที่เรือดำน้ำชั้น “คอลลินส์” ของออสเตรเลียทั้งหมดจะปลดระวางในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า ก่อนหน้าที่เรือดำน้ำรุ่นใหม่จะมาถึง เท่ากับว่าออสเตรเลียจะไม่มีเรือดำน้ำใช้ยาวนานถึง ๖ ปี ซึ่งสหรัฐฯเสนอมาตรการแก้ขัด ให้ออสเตรเลียซื้อเรือดำน้ำของสหรัฐฯชั้น “เวอร์จิเนีย” ไปใช้พลางๆเท่ากับว่าออสเตรเลียต้องพึ่งพาสหรัฐฯถึงจะมีเรือดำน้ำไว้รักษาอำนาจทางทะเล แต่ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้คือ อุตสาหกรรมสหรัฐฯมีกำลังการผลิตเรือดำน้ำไม่เพียงพอ และที่สำคัญต้องต่อเรือดำน้ำให้กองทัพเรือของตัวเองจนเสร็จสิ้นเสียก่อน ถึงจะได้รับอนุญาตให้ไปขายของแก่ชาติอื่นเมื่อเดือน มีนาคมที่ผ่านมา มีรายงานเปิดเผยว่า สหรัฐฯมีแผนที่จะต่อเรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนียเพียงแค่ลำเดียวในปีหน้า จึงกลายเป็นคำถามว่า แล้วเมื่อไรที่จะส่งมอบเรือดำน้ำให้กองทัพเรือสหรัฐฯจนครบต่อความต้องการ ถ้าต่อได้ปีละ ๑ ลำ และสหรัฐฯยังขาดเรืออีกประมาณ ๑๗ ลำ ก็จะใช้เวลาถึง ๑๗ ปีกว่าที่ออสเตรเลียจะได้เรือดำน้ำชั้น “เวอร์จิเนีย” ลำแรก ซึ่งก็ไม่ใช่เรือชั้น “ออกัส” จากอังกฤษตามข้อตกลงที่คุยกันไว้หรืออาจกลายเป็นว่าเรือสหรัฐฯอาจใช้เวลานานพอๆกันกับเรือออกัส หรือตามหลังเรือออกัสมา ๑ ปี หากเรือออกัสจากอังกฤษเกิดต่อทันกำหนดเวลา และที่สำคัญ มีรายงานว่า เรือชั้นเวอร์จิเนียของสหรัฐฯไม่ใช่เรือมือหนึ่ง แต่เป็นเรือ “มือสอง” ที่จะถูกเลหลังให้ออสเตรเลีย หลังสหรัฐฯได้เรือใหม่จนเพียงพอต่อความจำเป็นในการปกป้องมหาสมุทรจากภัยคุกคาม เริ่มต้นที่ ๒ ลำ จากนั้นลำที่สามถึงจะเป็นเรือมือหนึ่ง ที่ต่อให้ใหม่สดๆร้อนๆ ซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมรัฐบาลออสเตรเลียถึงอัดฉีดเงินให้สหรัฐฯ ๓,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า ๑๐๘,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมต่อเรือของสหรัฐฯ หวังที่จะสามารถส่งมอบเรือให้ออสเตรเลียได้เร็วยิ่งขึ้นไม่แน่ใจว่างานนี้มีอะไรกันหลังฉาก หรือออสเตรเลียกลัวใครขนาดนั้น ถึงได้ตัดสินใจทำข้อตกลงที่น่าเห็นใจเช่นนี้..ซึ่งยังไม่รวมถึงปัจจัยที่ว่าหาก “โดนัลด์ ทรัมป์” กลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้วจะเป็นเช่นไร ข้อตกลงจะถูกยกเลิก หรือถูกไถเงินเพิ่มอีกหรือไม่ เพราะทรัมป์ก็เคยแสดงให้นานาชาติเห็นมาแล้วว่า สามารถทิ้งข้อตกลงระดับโลกได้โดยไม่สนใจว่า จะสร้างความวุ่นวายแก่คนอื่นๆมากน้อยเพียงใด.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม