เมืองเมียวดียังปะทะเดือดตั้งแต่เช้ามืด โดย กกล.ทหารฝ่ายต่อต้านหลายร้อยนายบุกโจมตีค่ายผาซองของทหารเมียนมา ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายในเมียวดี จนเกิดการยิงกันอย่างหนักหลายชั่วโมง เสียงระเบิดนับร้อยลูกดังสนั่นชายแดนแม่สอด ขณะที่ชาวเมียนมาเริ่มแห่ข้ามแดนหนีตายเมื่อเวลา ๐๔.๐๐ น. วันที่ ๑๐ เม.ย. ๖๗ สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ยังทวีความรุนแรงและตรึงเครียดมากที่สุดในรอบสัปดาห์ โดยเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ เคเอ็นยู พร้อมทหารเคเอ็นแอลเอ ซึ่งสนธิกำลังกับทหารกองกำลังพิทักษ์ประชาชน หรือพีดีเอฟ จำนวนหลายร้อยนายพร้อมอาวุธครบมือ ได้นำกำลังบุกเข้าโจมตีค่ายทหารเมียนมา ค่ายผาซอง กองพัน ๒๗๕ จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งค่ายดังกล่าวเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของทหารเมียนมาที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นค่ายทหารขนาดใหญ่ มีทหารราบจำนวนหลายร้อยนายประจำการรักษาเมืองเมียวดี โดยการยิงปะทะช่วงเช้ามืดนานหลายชั่วโมง กองกำลังฝ่ายต่อต้านได้ใช้โดรนติดลูกระเบิดบินเข้าไปทิ้งระเบิดหลายลูกกลางค่ายผาซองกองพัน ๒๗๕ พร้อมยิงอาวุธหนักและปืนกลหนักระดมยิงเข้าไปในฐานที่มั่นทหารเมียนมาดังกล่าวแบบไม่ยั้ง เพื่อหวังจะเข้าไปยึดค่ายผาซองให้ได้ แต่ถูกทหารเมียนมาในค่ายผาซองตอบโต้ด้วยการยิงปืนใหญ่ และยิงอาวุธหนักจำนวนมากใส่พื้นที่กลุ่มทหารฝ่ายต่อต้ายหลบซ่อนตัวอยู่ในที่มืดติดกับเมืองเมียวดี นอกจากนี้ทหารเมียนมาในค่ายผาซองยังร้องขอสนับสนุนการโจมตีทางอากาศ โดยเครื่องบินรบของกองทัพอากาศเมียนมาก็บินทิ้งระเบิดหลายระลอกจนเกิดกลุ่มควันไฟ และมีไฟไหม้รอบพื้นที่ยิงปะทะ และสามารถมองเห็นกลุ่มควันไฟได้ไกลถึงชายแดนแม่สอด จังหวัดตาก ขณะเดียวกันเสียงปืนกลและเสียงระเบิดขนาดใหญ่ที่ทหารทั้งสองฝ่ายระดมยิงปะทะกันนานหลายชั่วโมงนั้น ก็ส่งผลทำให้ชาวบ้านในเขตชายแดนเมืองเมียวดีหลายครอบครัวเกรงความไม่ปลอดภัย ต่างขนสัมภาระบางส่วนพร้อมหนังสือผ่านแดนชั่วคราวข้ามเข้ามาหลบภัยที่บ้านญาติของตนเองที่ฝั่งอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ ๑ และชาวบ้านเขตเมียวดีบางส่วนซึ่งมีฐานะยากจนได้ข้ามแม่น้ำเมยนั่งเรือหางยาวจำนวนกว่า ๒๐๐ คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้สูงอายุข้ามมาหลบภัยชั่วคราวในพื้นที่เกาะโนแมนแลนด์ ซึ่งอยู่นอกเขตแดนไทย และยังไม่เข้ามาในพื้นที่แม่สอด และยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายแดนแม่สอด จังหวัดตาก อย่างไรก็ตาม ด่านพรมแดนถาวรแม่สอด-เมียวดี ทั้งสองด่านยังคงเปิดด่านตามปกติ แต่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ล่าสุดการสู้รบของทหารทั้งสองฝ่ายยังคงมีการยิงปะทะอย่างต่อเนื่อง ซึ่งห่างจากแนวชายแดนไทย-เมียนมา ไกล ๕ กิโลเมตร ซึ่งชาวบ้านในตัวอำเภอแม่สอดสามารถได้ยินเสียงระเบิดจากอาวุธหนักได้อย่างชัดเจน ซึ่งขณะนี้ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู พร้อมตำรวจตระเวนชายแดน ๓๔๖ และฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด พร้อมอาวุธครบมือได้นำกำลังเข้าตรึงพื้นที่ด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ ๑ และตรึงพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมาทุกแห่งแล้ว และคาดว่าตลอดทั้งวันนี้ทหารฝ่ายต่อต้านจะมีการยิงปะทะกับทหารเมียนมาอย่างหนัก เพื่อแย่งชิงค่ายผาซองซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของทหารเมียนมาให้ได้.
