สภาผู้แทนราษฎร ปิดสมัยประชุมไปแล้ว แต่กลไกทางการเมืองยังขับเคลื่อนต่อไปตาม วิถีของประชาธิปไตยครึ่งใบ โฟกัสไปอยู่ที่ การพิจารณายุบพรรคก้าวไกล ที่ กกต. ร้องให้ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยกรณีการแก้กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เป็นการล้มล้างการปกครอง มีโทษหนักถึงยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมืองของคณะกรรมการบริหาร แม้แต่ สส.ที่ลงชื่อขอแก้ประมวลกฎหมายอาญา ม.๑๑๒ จำนวน ๔๔ คน ก็ถูกร้องถอดถอนจากตำแหน่งเพราะขาดจริยธรรมด้วย ต้องเลิกเล่นการเมืองกันตลอดชีวิตไม่ต่างจากการถูกประหารชีวิตทางการเมือง ยังไม่รวมความผิดตามกฎหมายอาญาอีก ถึงแม้ก้าวไกลจะตั้งพรรคใหม่ได้ หรือ สส.ของพรรคจะไปหาพรรคสังกัดใหม่ได้ แต่การถูกประหารชีวิตทางการเมืองซ้ำแล้วซ้ำอีก จิตวิญญาณทางการเมืองจะถูกบั่นทอนไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะเหมือนตอไม้ที่ตายแล้ว ต่อให้กลับมารดน้ำฟื้นฟูอย่างไรก็ไม่เหมือนเดิม เป็นบทเรียนว่า การจะเปลี่ยนแปลงประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายๆเคยมีการรณรงค์เคลื่อนไหว จะให้ยกเลิกการยุบพรรคการเมืองจากนักการเมืองและพรรคการเมือง แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ เป็นที่เข้าใจได้ว่า ยังต้องใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงทางการเมืองอยู่การเมืองไทยก็เหมือนการละคร วันหนึ่งพุ่งขึ้นจุดสูงสุด วันหนึ่งก็ตกลงมากับพื้น แล้วก็จบกันไป คลื่นลูกใหม่มาแทนคลื่นลูกเก่า คนไทยอาจเสียดาย คนรุ่นใหม่ เสียดาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เหมือนที่เคย เสียดาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เบื่อนักการเมืองที่ชอบมโน หรือสร้างภาพ หรือ ดีแต่พูด เบื่อการทุจริตคอร์รัปชัน แต่ก็ไม่มีทางเลือกไปมากกว่านี้ เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามเสาหลักหรือสถาบันหลัก ย่อมมีความสำคัญในการบริหารการปกครองประเทศ เป็นกลไกที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายปกครองสูงสุดของประเทศ แต่รัฐธรรมนูญของประเทศกลับเป็นเครื่องมือหรือกลไกของฝ่ายบริหารและฝ่ายการเมืองในการแสวงหาอำนาจ และชิงอำนาจทางการเมืองไปฉิบผลกระทบลงมาเป็นลูกโซ่เช่นเรื่องราวใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก เมื่อ ผลประโยชน์ขัดกัน ขยะที่ซุกอยู่ใต้พรมมานานแสนนานเริ่มจะถูกขุดขึ้นมาทีละชิ้นสองชิ้น มีชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ไปจนถึงใหญ่พิเศษ บางกรณีก็ทั้งใหญ่ทั้งยาว ยังไม่รู้ชะตากรรมของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตำรวจไม่ว่าวันนี้หรืออนาคต ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็น ผบ.ตำรวจคนต่อไป ก็หนีวิบากกรรมที่สะสมกันมานานไม่พ้นทำเอาลูกน้องคนใกล้ชิดต้องติดบ่วงกรรมไปด้วย ในระยะเวลาสั้นๆนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการ ผบ.ตร. ก็ต้องประคองตัวเองให้ตลอดรอดฝั่ง รวมทั้งผู้ที่ออกมาทำหน้าที่ สงครามตัวแทน ด้วย ต้องสำนึกไว้เสมอว่า วันพระไม่ได้มีหนเดียวและไม่ใช่จะลุกแค่ใน สตช. แต่ลามไปถึง ป.ป.ช. สำนักงานอัยการสูงสุด อีนุงตุงนังไปหมด มีผู้เข้าไปร้องทุกข์ ตำรวจ บก.ปปป. ให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับ ๓ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. มีพฤติกรรมในการให้ความช่วยเหลือตกแต่งหลักฐานทรัพย์สินของบิ๊กโจ๊ก เพื่อประกอบการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องถึง ๖ คน ทีนี้แหละ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. เลยถูกดึงเข้าไปในมรสุมสีกากีด้วยทั้งหมดนี้เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าความยุติธรรมไม่ได้เงียบขึ้นอยู่กับว่าจะตามมาทวงเมื่อไหร่เท่านั้น.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม