Thursday, 19 December 2024

สัญญาณปรับ คณะรัฐมนตรีมาแล้ว นายกฯ รับ หลัง "สงกรานต์" จ่อ คุยพรรคร่วมรัฐบาล

นายกฯ เผย หลังสงกรานต์ เตรียมคุยพรรคร่วมรัฐบาล ให้สัญญาณปรับ คณะรัฐมนตรีบอก ทุก option เป็นไปได้หมด ย้ำ ปรับครั้งนี้ ต้องถูกฝาถูกตัว ถูกเวลา ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ชี้ ๗ เดือน สถานการณ์เปลี่ยน ต้องวางคนให้สภาแข็งแกร่งด้วย เชื่อ ทุกคนเข้าใจเมื่อเวลา ๑๖.๒๐ น.วันที่ ๑๔ เมษายนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แม้นายกรัฐมนตรีจะยืนยันว่า วันนี้จะยังไม่ปรับ แต่คนก็ยังโฟกัสเรื่องนี้ หากปรับจริงจะมีการปรึกษา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ว่า ในความเห็นของพี่น้องประชาชนหลายล้านคนเห็นว่า นายทักษิณเป็นนายกฯที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เรื่องการปรับครม.ตนได้แถลงไปแล้ว หากจะมีการปรับก็ต้องมีการพูดคุยกับหลายภาคส่วน โดยต้องมีการพูดคุยกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อถามว่าหลังสงกรานต์จะพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวยอมรับว่า “แน่นอนครับ” เมื่อถามว่า จะเป็นการพูดคุยในลักษณะส่งสัญญาณหากพรรคไหนต้องการจะปรับสามารถแจ้งได้เลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า หากจะมีการปรับก็ต้องมีการพูดคุย เป็นการทำงานที่ให้เกียรติซึ่งกันและกันอยู่แล้วเมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่นายกฯ จะควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุก option มีความเป็นไปได้หมด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการทำงานของคนให้ถูกฝาถูกตัวเป็นที่ตั้ง ตรงนี้มีความเป็นไปได้หมดเมื่อถามว่า นอกจากพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ยังมีปัจจัยอะไรอีกที่จะทำให้นายกฯควบตำแหน่งรมว.กลาโหม นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่อยากจะเจาะจงกระทรวงไหน เป็นการพูดในหลักการคร่าวๆมากกว่า หากจะไปทำงานหรือมีการโยกย้ายไม่ใช่เฉพาะตนเองคนเดียว รัฐมนตรีท่านอื่นก็ต้องดูให้ถูกคน เราก็รับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน แม้แต่สื่อมวลชนเองก็บอกว่าบางคนทำงานยังไม่ถูก ยังไม่ดีพอ อ่อนในหลายด้านรวมถึงการสื่อสาร ด้านการประสานงาน ทุกข้อคิดเห็นตนนำมาพิจารณาหมด หากจะมีการปรับ คณะรัฐมนตรีเมื่อถามว่า นายกฯ คือ ผู้มีอำนาจจรดประกาศเซ็น การปรับครั้งนี้จะเป็นการปรับใหญ่เลยหรือไม่ เพื่อจะขับเคลื่อนงบประมาณไปยาวๆ นายเศรษฐา กล่าว อย่างที่บอกว่าตนไม่อยากจะเจาะจง ว่าปรับใหญ่หรือปรับเล็ก หรือปรับใคร ไม่ปรับใครบ้าง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพูดคุยและผลงานของแต่ละคนด้วยเมื่อถามว่า การปรับรอบนี้จะถูกฝาถูกตัวเลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนอะไรต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป พรุ่งนี้ มะรืน ไม่ได้บอกว่า จะมีการปรับ หากจะมีการปรับต้องมีความชัดเจนว่า มีความเหมาะสม ถูกต้อง ถูกเวลา แต่อาจจะต้องมีหลายท่าน อาจจะยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ยังต้องการเวลาในการทำงานอยู่ เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และคิดว่าหากจะมีการปรับก็คงปรับเรื่อยๆ ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเมื่อถามว่า ปรับครม.ครั้งนี้จะไม่มีแรงกระเพื่อมที่ต้องตามแก้ภายหลังใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “อ๋อ ไม่มั่นใจครับ ถ้าบอกว่าทุกอย่างไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีแรงกระเพื่อม มีความไม่สบายใจก็ต้องทำไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับนะ”เมื่อถามว่า แรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทย ค่อนข้างเยอะ การปรับครั้งนี้จะทำให้แรงกระเพื่อมในพรรคลดลงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่แน่ใจครับ ผมไม่ทราบเหมือนกัน ผมเอาปัญหาพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง และเอาการทำงานเป็นที่ตั้ง ผมเชื่อว่าทุกท่านเข้าใจ ปรับออกไปแล้วก็ปรับเข้ามาใหม่ได้ มันแล้วแต่วาระของเหตุการณ์ในปัจจุบัน อย่างเหตุการณ์ปัจจุบันอาจต้องการบางบุคคลเข้าไปช่วยงานในสภา พอสภาแข็งแกร่งท่านอาจจะกลับเข้ามาใหม่ก็ได้ มันไม่ใช่เป็นอะไรที่จบแล้วจบเลย มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ในอดีตทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้วว่า การปรับ คณะรัฐมนตรีก็มีการปรับเข้า ปรับออก เปลี่ยนกระทรวงไปแล้วกลับไปกระทรวงเดิมก็ยังเป็นไปได้ ตรงนี้อย่าพึ่งคิดอะไรมากเลยครับ ถ้ามันเกิดขึ้นเดี๋ยวค่อยมาว่ากันดีกว่าเมื่อถามว่า รัฐมนตรีแต่ละคนถือว่า มีโปรไฟล์สูง ทำงานมา ๗ เดือนแล้ว ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องพิจารณาปรับถ้าทำงานไม่เข้าเป้า นายกฯ กล่าวว่า เรื่องปรับ ครม. ตนพูดไปเยอะแล้ว ความจริงไม่ได้ปรับภายในวัน หรือสองวันนี้ ถ้าพูดไปเรื่อยก็แรงกระเพื่อมไปเรื่อย จุดประสงค์ใหญ่ถ้ามีการปรับครม.ก็ปรับให้ถูกฝาถูกหน้าที่ ไม่ใช่แค่ดูที่รัฐบาลอย่างเดียว ต้องดูที่ระบบรัฐสภาด้วย ว่า มีความแข็งแกร่งขนาดไหน ต้องการคนช่วยเหลือตรงไหนบ้าง แน่นอนว่า เอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ๗ เดือนที่แล้ว กับวันนี้สถานการณ์ต่างกัน บางอย่างเรายังทำไม่ดีพอ บางอย่างเราคิดว่าทำได้ดีแล้ว ก็ต้องมาพิจารณาทั้งหมดโดยรวมเมื่อถามว่า แม้นายกฯ จะบอกว่า ๓๑๔ เสียง แข็งแกร่งแล้ว แต่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็ยังมีการไปพูดคุยกับนายทักษิณ จึงมีคำถามกลับมาว่า มีโอกาสหรือไม่ที่พรรค ปชป.จะร่วมรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า นายทักษิณเป็นผู้ที่มีความอาวุโสทางด้านการเมืองสูง มีเพื่อนฝูงในวงการเยอะการที่จะไปทานข้าว พูดคุยกับใคร เชื่อว่า จุดมุ่งหมายคือประชาชนเป็นหลัก ฉะนั้นการจะไปกินข้าวกับใคร สามารถตีความได้หลายอย่าง หากถามโดยส่วนตัวของตนไม่เคยพูดคุยกับใคร แม้แต่ไปเจอกับนายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และ สส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. ที่ จ.นครศรีธรรมราช ก็ไม่ได้มีการพูดคุยกัน ที่นายชัยชนะ มาวันนั้นก็มาในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป ไม่ได้มีการพูดถึงว่า จะมาเข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด