Thursday, 14 November 2024

เปิดปมแค้นอิหร่าน เบื้องหลังปฏิบัติการ True Promise โจมตีอิสราเอล

อิหร่านยิงโดรนและขีปนาวุธกว่า ๓๐๐ ลูก โจมตีอิสราเอล หลังประกาศคำมั่นสัญญาว่าจะต้องตอบโต้อิสราเอลจากเหตุโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย เมื่อวันที่ ๑ เม.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้เจ้าหน้าที่การทูต ตำรวจซีเรีย รวมถึงพลจัตวาโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี สังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) เสียชีวิต ซึ่งอิหร่านเชื่อว่าอิสราเอลอยู่เบื้องหลัง นับเป็นครั้งแรกที่อิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอลโดยตรง หลังจากที่สองประเทศมีส่วนร่วมในสงครามเงา ที่กินเวลายาวนานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายก่อเหตุโจมตีทรัพย์สินของกันและกันโดยไม่มีการออกมายอมรับความรับผิดชอบ ซึ่งสงครามเงาอิหร่าน-อิสราเอล ตึงเครียดขึ้นอย่างมากในช่วงสงครามอิสราเอลถล่มฉนวนกาซา ซึ่งมีจุดชนวนจากการโจมตีของกลุ่มนักรบฮามาสปาเลสไตน์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วหากสงสัยว่าอิสราเอล-อิหร่าน เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาตั้งแต่เมื่อไร ก็ต้องย้อนไปถึงช่วงเกิดการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน เมื่อปี ๑๙๗๙ ซึ่งสองประเทศยุติความเป็นพันธมิตร หลังอิหร่านเข้าสู่ยุคการปกครองที่มีอุดมการณ์ชูอิสราเอลเป็นปฏิปักษ์สำคัญ โดยในช่วงนั้นอิหร่านไม่ยอมรับสิทธิในการดำรงอยู่ของอิสราเอลและพยายามกำจัดให้สิ้นซาก ในขณะที่อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เคยเรียกอิสราเอลว่าเป็น “เนื้องอกมะเร็ง” ที่ “จะต้องถูกถอนรากถอนโคน และถูกทำลายอย่างไม่ต้องสงสัย”ขณะที่อิสราเอลก็เชื่อว่าอิหร่านเป็นภัยคุกคามอันตราย หลังจากอิหร่านสนับสนุนกองกำลังตัวแทนที่มีอุดมการณ์ทำลายล้างอิสราเอล ด้วยการให้ทุนสนับสนุนและติดอาวุธให้กับกลุ่มปาเลสไตน์ รวมถึงฮามาส และกลุ่มติดอาวุธชีอะห์ในเลบานอน ฮิซบอลเลาะห์ นอกจากนี้ยังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างลับๆ แม้ว่าอิหร่านจะปฏิเสธว่ามีความพยายามสร้างระเบิดนิวเคลียร์ก็ตาม อิหร่านประกาศตอบโต้อิสราเอล หลังถูกโจมตีสถานกงสุลกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) เรียกปฏิบัติการเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า “สัญญาที่แท้จริง” (True Promise) เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้นำระดับสูงของอิหร่าน รวมถึงผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ตั้งใจที่จะทำตามคำปฏิญาณว่าจะ “ลงโทษ” อิสราเอล โดยเป็นการตอบโต้การโจมตีทางอากาศเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ที่อาคารสถานกงสุลอิหร่าน ในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ถูกถล่มจากการโจมตีทางอากาศ ทำให้มีผู้เสียชีวิต ๑๓ ศพ รวมถึงพลจัตวาโมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี ผู้บัญชาการอาวุโสในกองกำลังคุดส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในต่างประเทศของกองกำลังรีพับลิกันการ์ด (IRGC) ชั้นยอดของอิหร่าน เขาเป็นบุคคลสำคัญในปฏิบัติการของอิหร่านเพื่อติดอาวุธกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มติดอาวุธชีอะห์เลบานอนรัฐบาลอิหร่านกล่าวโทษอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางอากาศถล่มสถานกงสุลในซีเรีย ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของอิหร่าน แม้อิสราเอลไม่ได้ยืนยันแน่ชัดว่าเป็นผู้ลงมือ หลังจากผู้บัญชาการอาวุโส IRGC หลายคนเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศในซีเรียในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทาง IRGC ได้จัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงขีปนาวุธที่มีความแม่นยำสูง ผ่านซีเรียไปยังกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ทำให้กองทัพอิสราเอลต้องพยายามสกัดการสนับสนุนอาวุธ และพยายามป้องกันไม่ให้อิหร่านเสริมกำลังทหารในซีเรีย พันธมิตรของอิหร่านคือใครบ้างอิหร่านได้สร้างเครือข่ายพันธมิตรและกองกำลังตัวแทนในตะวันออกกลาง ที่กล่าวว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “แกนต่อต้าน” ที่ท้าทายผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และอิสราเอลในภูมิภาค ด้วยระดับที่แตกต่างกัน อย่างซีเรียเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของอิหร่าน ซึ่งทั้งอิหร่านและรัสเซีย ต่างช่วยให้รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด รอดพ้นจากสงครามกลางเมืองของประเทศ ที่กินเวลานานนับสิบปีทางด้านฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนก็นับเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ทรงอิทธิพลที่สุดที่อิหร่านหนุนหลังอยู่ โดยมีการยิงตอบโต้ข้ามพรมแดนกับอิสราเอลเกือบทุกวัน นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-ฮามาสปะทุขึ้น พลเรือนหลายหมื่นคนทั้งสองฝั่งชายแดนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนขณะเดียวกันอิหร่านสนับสนุนกองกำลังติดอาวุธชีอะห์หลายกลุ่มในอิรัก ซึ่งโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรัก ซีเรีย และจอร์แดนด้วยการยิงจรวด ส่วนในเยเมน อิหร่านให้การสนับสนุนขบวนการฮูตี ซึ่งยึดครองพื้นที่ที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ ก่อนหน้านี้กลุ่มฮูตียังแสดงการสนับสนุนกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ด้วยการยิงขีปนาวุธและโดรนใส่อิสราเอล และยังโจมตีการขนส่งเชิงพาณิชย์ใกล้ชายฝั่ง ทำให้เรือจมอย่างน้อยหนึ่งลำ เป็นชนวนเหตุให้สหรัฐฯ และอังกฤษต้องโจมตีเป้าหมายกลุ่มฮูตีเพื่อเป็นการตอบโต้กลับนอกจากนี้ อิหร่านยังจัดหาอาวุธและฝึกฝนกลุ่มนักรบติดอาวุธปาเลสไตน์ รวมถึงกลุ่มฮามาส ซึ่งโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคมปีที่แล้ว จุดชนวนให้เกิดสงครามในฉนวนกาซา  เทียบกันชัดๆ แสนยานุภาพทางทหารอิหร่าน-อิสราเอลในทางภูมิศาสตร์ อิหร่านมีขนาดใหญ่กว่าอิสราเอลอย่างมาก และมีประชากรเกือบ ๙๐ ล้านคน ซึ่งมากกว่าอิสราเอลเกือบ ๑๐ เท่า แต่นี่ไม่ได้เป็นส่วนที่จะทำให้อิหร่านมีอำนาจทางทหารมากกว่าอิสราเอล โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลอิหร่านลงทุนมหาศาลในการพัฒนาขีปนาวุธและโดรน และยังจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากให้กับผู้ทำสงครามตัวแทนอย่าง กลุ่มฮูตีในเยเมน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน แต่เชื่อว่าสิ่งที่อิหร่านขาดไปคือ ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัยและเครื่องบินรบ แม้จะมีข่าวว่ารัสเซียกำลังร่วมมือกับอิหร่านเพื่อปรับปรุงระบบต่างๆ เหล่านี้ เพื่อแลกกับการสนับสนุนทางทหารที่อิหร่านมอบให้รัสเซีย ในการทำสงครามสู้รบกับยูเครน โดยที่ผ่านมาอิหร่านได้จัดหาโดรนพิฆาตชาห์เอ็ดให้กับรัสเซีย และมีรายงานว่า ขณะนี้รัสเซียกำลังพยายามผลิตอาวุธนี้ขึ้นมาด้วยตัวเองในทางตรงกันข้าม อิสราเอลเป็นประเทศที่มีกองทัพอากาศที่ก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตามรายงานความสมดุลทางทหารของ IISS อิสราเอลมีฝูงบินไอพ่นอย่างน้อย ๑๔ ฝูง รวมถึง F-๑๕ F-๑๖ และเครื่องบินล่องหน F-๓๕ รุ่นล่าสุด นอกจากนี้อิสราเอลยังมีประสบการณ์ในการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนที่ไม่เป็นมิตรด้วย อิหร่านและอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ผู้เชี่ยวชาญต่างสันนิษฐานว่า อิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง แต่ยังคงรักษานโยบายอย่างเป็นทางการว่าต้องจงใจคลุมเครือไม่เปิดเผยแน่ชัด ขณะที่คาดว่าอิหร่านไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ และปฏิเสธมาตลอดว่ากำลังพยายามใช้โครงการนิวเคลียร์ของพลเรือน เพื่อให้กลายเป็นรัฐติดอาวุธนิวเคลียร์เมื่อปีที่แล้ว หน่วยงานเฝ้าระวังนิวเคลียร์ทั่วโลกพบอนุภาคยูเรเนียมมีความบริสุทธิ์ถึง ๘๓.๗% ซึ่งใกล้เคียงกับเกรดอาวุธมาก ที่แหล่งผลิตฟอร์โด ใต้ดินของอิหร่าน ขณะที่อิหร่านระบุว่า อาจเกิดจากความคลาดเคลื่อนโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา อิหร่านได้เปิดเผยข่าวการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมให้มีความบริสุทธิ์ ๖๐% โดยถือเป็นการละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ปี ๒๐๑๕ กับมหาอำนาจโลก อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ใกล้จะพังทลายลงนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ถอนตัวฝ่ายเดียว และรื้อฟื้นมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้งในปี ๒๐๑๘.