เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายนสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ วัย ๗๒ ปี ประกาศเตรียมลงจากตำแหน่งผู้นำประเทศในวันที่ ๑๕ พฤษภาคมนี้ หลังจากดำรงตำแหน่งยาวนานเกือบ ๒๐ ปีเต็ม เพื่อส่งไม้ต่อให้กับนายลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง วัย ๕๑ ปี ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ ๔ ในเวลา ๒๐.๐๐ น.ของวันเดียวกัน นับเป็นคนนอกตระกูลลีคนที่ ๒ ที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำสิงคโปร์ นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี ๒๕๐๘ผู้นำสิงคโปร์ประกาศเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้วว่ามีแผนจะเกษียณในปีนี้ และได้เสนอชื่อนายหว่องเป็นทายาทสืบทอดตำแหน่ง จากที่เคยแสดงความตั้งใจวางมือก่อนวันเกิดครบรอบอายุ ๗๐ ปี ในเดือน กุมภาพันธ์๒๕๖๕ แต่แผนการกลับล้มเหลวและต้องระงับไปก่อนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ อย่างไรก็ตาม นายลีเผยว่าที่ผ่านมานายหว่องและทีมงาน ๔G (หรือทีมบริหารรุ่นที่ ๔) ได้ทำงานอย่างหนักโดยเฉพาะช่วงวิกฤติของการระบาดใหญ่ ยังขอให้ชาวสิงคโปร์ทุกคนให้การสนับสนุนว่าที่ผู้นำคนใหม่และทีมงานอย่างเต็มที่เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใสให้สิงคโปร์ต่อไปภายหลังการประกาศดังกล่าวไม่นาน ว่าที่ผู้นำ คนใหม่ ดีกรีนักเศรษฐศาสตร์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน และมหาวิทยาลัยมิชิแกน-แอนอาร์เบอร์ รวมทั้งปริญญาโทสาขารัฐ ประศาสนศาสตร์ จากวิทยาลัยการปกครองฮาร์วาร์ด เคนเนดี สคูล สหรัฐฯ ได้เผยความในใจเผยผ่านวิดีโอคลิปว่า ไม่เคยคาดหวังมาก่อนว่าจะถูกขอให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งตกลงเข้าสู่แวดวงการเมืองในปี ๒๕๕๔ ตนขอรับหน้าที่ความรับผิดชอบนี้ด้วยความสำนึกในหน้าที่อย่างแท้จริง ขอสัญญาว่า จะทุ่มเทแรงกายแรงใจอุทิศให้กับการรับใช้ประเทศและประชาชนอย่างเต็มที่ด้านนายมุสตาฟา อิซซุดดิน นักวิเคราะห์การเมืองของบริษัทที่ปรึกษาโซลาริส สแทรตทิจีส์ สิงคโปร์ ให้ความเห็นว่านายหว่องเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้วในประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง ๒ ชาติมหาอำนาจอย่างจีน และสหรัฐฯ เชื่อมั่นว่าจะนำรูปแบบการบริหารที่ปรับเข้ากับคนรุ่นต่างๆได้มากยิ่งขึ้น อาจจะมีสไตล์การบริหารจัดการที่ต่างออกไปเล็กน้อยเนื่องจากเป็นคนต่างรุ่นกัน แต่คิดว่าหลักการสำคัญของสิงคโปร์จะยังคงอยู่เช่นเดิมที่ผ่านมาสิงคโปร์มีนายกรัฐมนตรี ๓ คน เริ่มด้วยนายลี กวนยู สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี ๒๕๐๒ ขณะอายุ ๓๕ ปี ต่อด้วยนายโก๊ะ จ๊กตง เป็นนายกรัฐมนตรีในปี ๒๕๓๓ เมื่ออายุ ๔๙ ปี ส่วนนายลี เซียนลุง รับตำแหน่งผู้นำเมื่อเดือน สิงหาคม๒๕๔๗ อายุ ๕๒ ปี.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
