Thursday, 19 December 2024

เงินแจกดิจิทัลอาจแห้ว

ช่วงวันสงกรานต์ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ยืนยันที่หัวหินว่า ประชาชนจะได้รับเงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท ในไตรมาส ๔ แน่นอน หลังจากที่ล่าช้ามาเป็นปี แต่จะได้แจกจริงอย่างที่นายกฯรับปากกับประชาชนหรือไม่ ยังเป็นปริศนาตัวใหญ่ เพราะจนถึงวันนี้ รัฐบาลยังหาเงิน ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาทมาแจกไม่ได้ บอกเพียงว่า จะนำมาจากงบประมาณปี ๖๗ จำนวน ๑๗๕,๐๐๐ ล้านบาท งบประมาณปี ๒๕๖๘ จำนวน ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท โดยการตั้งงบขาดดุลเพิ่มเพื่อกู้เพิ่ม และ ใช้เงินของ ธ.ก.ส. จำนวน ๑๗๒,๓๐๐ ล้านบาท ตามมาตรา ๒๘ กฎหมายวินัยการเงินการคลัง แจกให้กลุ่มเกษตรกร ๑๗ ล้านคนเศษล่าสุด สหภาพแรงงาน ธ.ก.ส. ได้แถลงมติของสหภาพฯเรื่องที่รัฐบาลจะกู้เงินของ ธ.ก.ส. ๑.๗๒๓ แสนล้านบาท ไปแจกในโครงการ Digital Wallet สามารถทำได้หรือไม่สหภาพแรงงาน ธ.ก.ส. มีมติให้ดำเนินการดังนี้ ๑.ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่กำกับดูแล ธ.ก.ส. คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาว่ารัฐบาลสามารถกู้เงิน ธ.ก.ส.ไปดำเนินการโครงการ Digital Wallet ได้หรือไม่ ๒.ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาข้อกฎหมายว่า รัฐบาลสามารถกู้เงิน ธ.ก.ส.ไปดำเนินโครงการ Digital Wallet ได้หรือไม่งานนี้ รัฐบาลอาจไม่สามารถล้วงเงินจาก ธ.ก.ส.ได้ง่ายอย่างที่คิด ประเด็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่งก็คือ เกษตรกร ๑๗ ล้านคนเศษที่จะได้รับเงินแจก เป็นเกษตรกรจากที่ไหน เพราะข้อมูลของกระทรวงเกษตรฯ มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนเพียง ๘.๘ ล้านครัวเรือน เท่านั้นก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ได้แสดงจุดยืนชัดเจนแล้วว่า ไม่เห็นด้วย คุณชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ โฆษกแบงก์ชาติ ได้แถลงแสดงความห่วงใยไปหลายประเด็น โดยเฉพาะ ที่มาของแหล่งเงิน เม็ดเงินที่ใช้ในโครงการจะต้องครบถ้วนในวันที่เริ่มต้นโครงการ เพื่อให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติเงินตรา (ไม่ใช่เสกเงินตามชอบใจ) เงินส่วนที่เอามาจาก ธ.ก.ส.ก็ต้องทำให้ถูกต้อง พระราชบัญญัติเงินตราเช่นกัน เม็ดเงินที่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ต้องอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติเงินตรา ไม่ใช่อยู่ๆก็มี “เงินดิจิทัล ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท” เพิ่มเข้ามาอยู่ในระบบ แบงก์ชาติคงยอมไม่ได้ เพราะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพการเงินและการคลังโดยรวมเรื่องที่แบงก์ชาติเป็นห่วงอีกเรื่องก็คือ Super App ของรัฐบาล ที่เป็น “ระบบใหม่” และเป็น “ระบบเปิด” จะป้องกัน “ข้อมูลส่วนบุคคล” ของประชาชนจาก “ภัยไซเบอร์” ที่มีอยู่มากมายได้อย่างไร และอาจจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินไทยด้วย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆล่าสุด คุณสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ก็โพสต์เตือนว่า “กู้ ธ.ก.ส.นั้น ICU แต่ถ้ายืม จองศาลาได้เลย” ในโพสต์ระบุว่า แค่กู้ก็เหนื่อยแล้ว เพราะผิดวัตถุประสงค์ของ ธ.ก.ส. แต่หากถึงขั้น “ยืม” ใช้คืนแบบไม่มีดอกเบี้ย จองศาลาวัดได้เลย เพราะมาตรา ๒๘ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง เขียนไว้ชัดเจนว่า “รัฐบาลรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการนั้น” ดอกเบี้ยธนาคารทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ ๗.๐๕–๗.๒๕ ดอกเบี้ย ธ.ก.ส.อยู่ที่ร้อยละ ๖.๙๗๕ ต่อปี เงินกู้ ๑๗๒,๓๐๐ ล้านบาท จึงมีดอกเบี้ยประมาณ ๑๒,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี เอาเงินไปแจกประชาชน แล้วค่อยส่งคืนเมื่อตั้งงบประมาณ ไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีกำหนดเวลาคืน ผิด พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังชัดเจนโครงการแจกเงินดิจิทัล แม้ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร จะออกมาเชียร์ เศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นเยอะ เพราะเงินในระบบไม่พอ แต่นาทีสุดท้ายในไตรมาส ๔ นายกฯเศรษฐา และ คณะรัฐมนตรีจะกล้ารับผิดชอบเงินแจก ๕ แสนล้านบาทหรือไม่ ต้องดูกันต่อไปวันนี้ เศรษฐกิจไทยฟื้นแล้ว แม้จะฟื้นช้าแต่ก็ฟื้นแล้ว นายกฯและรัฐบาลควรทุ่มเทกำลังไปสร้างงานสร้างเงินให้ประชาชน จะเป็นผลดีต่อประเทศชาติมากกว่านะครับ ดีกว่าไปคิดหาเงินแจกแบบไม่ตรงไปตรงมา และทำให้ประชาชนเสพติดเงินแจกจากรัฐบาลเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่ออนาคตของประเทศชาติ อย่าทำให้คนไทยอ่อนแอไปกว่านี้เลยครับ.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม