“อัครเดช” เผย กมธ.การอุตสาหกรรม เรียกถก ๖ กระทรวงหลัก ก่อนขนย้ายกากแคดเมียม ๗ พฤษภาคมนี้ ขอดำเนินการรวดเร็ว ปลอดภัยต่อประชาชน เล็งประสานรัฐบาลใช้งบกลางจัดการก่อน รับมีทุนจีนเชื่อมโยงโรงงานวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เชิญหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ ๖ หน่วยงานที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งแก้ปัญหากรณีกากแคดเมียม ที่กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อสอบถามความคืบหน้าการเตรียมขนย้ายกากแคดเมียม นายอัครเดช เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้นัด ๖ หน่วยงานที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการร่วมกับอีก ๕ หน่วยงาน ซึ่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มาชี้แจงต่อ กมธ. ด้วย อีกทั้งกำหนดการขนย้ายในวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ทำให้สังคมเกิดคำถามว่าทำไมถึงช้า เรื่องนี้ตนจะสอบถามว่าจะเลื่อนให้เร็วกว่านี้ได้หรือไม่ ส่วนกากแคดเมียมที่พบใน จ.สมุทรสาคร จ.ตาก จ.ชลบุรี หากยังไม่มีการขนย้าย จะหาตู้คอนเทนเนอร์มาบรรจุเพื่อไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายได้หรือไม่ เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณโดยรอบ พร้อมระบุว่า ทาง กมธ.การอุตสาหกรรม ยังไม่ได้ลงพื้นที่จริง แต่มีแผนที่จะลงไปติดตามการฝังกลบที่ จ.ตากเมื่อถามถึงมุมมองการทำงานของ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น ประธาน กมธ.การอุตสาหกรรม ระบุว่า รัฐมนตรีทำหน้าที่ในฝ่ายบริหาร ส่วนตนทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งทั้ง ๒ บทบาทจะต้องทำคู่ขนานกันไปแม้จะมาจากพรรคเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด ส่วนกรณีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการเรียกรับผลประโยชน์จากกากแคดเมียม นายอัครเดช ระบุว่า ตอนแรก กมธ. ยังไม่ทราบเรื่องกากแคดเมียม กระทั่งมีผู้มาร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์จากการขนย้าย ซึ่งเป็นหน่วยงานภายในที่เรียกร้องมา จึงเป็นที่มาของการตรวจสอบ พร้อมย้ำว่าโชคดีที่เจอเร็ว ไม่ต้องรอให้ประชาชนล้มป่วยก่อน ขณะที่คำถามว่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนเทาหรือไม่ นายอัครเดช ยอมรับว่ามีความเชื่อมโยงกันตั้งแต่โรงหลอมที่ จ.สมุทรสาคร เจ้าของโรงงานที่ จ.ชลบุรี ซึ่งเรื่องนี้ได้เรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ให้ยกมาเป็นวาระแห่งชาติในการแก้ปัญหา สำหรับค่าใช้จ่ายการขนย้ายทั้งหมด มองว่าหากผู้ประกอบการยังไม่สามารถดำเนินการได้ ทางรัฐต้องดำเนินการให้ก่อน เพราะหากรอผู้ประกอบการเกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงบรรยากาศในห้องประชุมช่วงหนึ่ง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ชี้แจงถึงแผนการเคลื่อนย้ายกากตะกอนกลับที่เดิม โดยแนวทางการจัดเก็บ ณ สถานที่ที่ตรวจพบ ได้เก็บกากตะกอนทั้งหมดไว้ในอาคาร และมีการทำความสะอาด ดูดฝุ่นจากในโรงงาน ส่วนที่อยู่ตามชายคาต้องใช้พลาสติกคลุมทับอีกครั้งให้มีความมิดชิดและไม่ถูกชะล้าง เตรียมการขนย้ายโดยใส่ในรถเปิด แต่ใส่ในถุงซ้อนที่ปิดมิดชิด คลุมด้วยพลาสติกอีกครั้ง จะขนได้ประมาณ ๓๐ ตันต่อคันรถ และใช้รถ ๓๐ คัน คาดว่าจะเพียงพอขณะเดียวกันในวันนี้จะทดสอบความแข็งแรงของบ่อว่าพร้อมหรือไม่ ซึ่งตนและผู้บริหารจะลงไปตรวจสอบด้วยตนเอง เมื่อปรับปรุงบ่อเสร็จจะตรวจองค์ประกอบต่างๆ เช่น ตรวจสถานะของกากตะกอนทุกถุงว่าต้องเป็นด่าง ตามที่ EIA กำหนดไว้ ปรับระบบบ่อน้ำเสีย และมีเจ้าหน้าที่ควบคุมตลอดเวลา ปิดบ่อและดูดฝุ่นทุกวัน รวมถึงตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดินทุก ๓ เดือนปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุต่อไปว่า ในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๗ จะสรุปความเห็นต่อคณะกรรมการ ๖ กระทรวง หากมีจุดสุ่มเสี่ยงก็จะดำเนินการให้เหมาะสม และดำเนินการตรวจสอบอย่างเรียบร้อย ส่วนการสืบหาสาเหตุที่กากตะกอนมาปรากฏที่กรุงเทพฯ ได้นั้น คาดว่าในกรุงเทพฯ เป็นจุดพักของ พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง และดำเนินการอย่างเต็มที่ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ทางด้าน กมธ.การอุตสาหกรรม เสนอให้นำกากตะกอนใส่ตู้คอนเทนเนอร์ไว้ก่อน เพราะประชาชนในพื้นที่กังวลเรื่องความปลอดภัย และไม่ควรรอการดำเนินการของภาคเอกชนเพียงอย่างเดียว แต่กระทรวงควรของบประมาณดำเนินการจากนายกรัฐมนตรีมาก่อนได้ จากนั้นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงเหตุผลที่ไม่นำกากแคดเมียมใส่ในตู้คอนเทนเนอร์ ว่า จะมีความยุ่งยากเรื่องการขนย้ายเข้าออก พร้อมย้ำว่ากากตะกอนไม่มีกัมมันตภาพรังสี หากไม่มีการฟุ้งกระจายก็สามารถควบคุมได้ แต่ให้เร่งทำถุงซ้อน ๒ ชั้น เพื่อไม่ให้มีการฟุ้งกระจายไปก่อน ซึ่งมาตรการนี้เป็นไปตามมาตรฐานของสหประชาชาติ.
กมธ.อุตสาหกรรม ถก ๖ หน่วยงาน ปมขนย้ายกากแคดเมียม ห่วงความปลอดภัยประชาชน
Related posts