แม่เหล็กการเมืองไม่ว่าจะไปจุดไหนก็ย่อมมีคนห้อมล้อมเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งมีบุญบารมีเหนือธรรมดาก็ไม่ต้องพูดถึงกันปรากฏการณ์ที่บรรดารัฐมนตรีของเพื่อไทยยกทีมไปเชียงใหม่ขาดไปเพียง ๔ คน ที่ติดภารกิจและบรรดา สส.อีกจำนวนหนึ่งไปร่วมดินเนอร์ที่ร้านอาหารชื่อดังในเมืองเชียงใหม่ร่วมกับ “ทักษิณ ชินวัตร” จึงเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าคนนี้ใหญ่จริงยิ่งสถานการณ์การเมืองกำลังอยู่ในจังหวะได้-เสีย ก็ต้องแห่กันขึ้นไปอวยพรวันปีใหม่ไทยพร้อมกับหวังผลอะไรบางอย่างพูดไปนักการเมืองไทยนั้นล้วน “จมูกไว” กว่าผู้คนปกติทั่วไปเพราะข่าวปรับ คณะรัฐมนตรีที่หึ่งๆมาระยะหนึ่งเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เมื่อนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” เปิดเผยว่าหลังสงกรานต์จะนัดหมายประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหารือเรื่องปรับ คณะรัฐมนตรีคนที่มีชื่อจะถูกปรับ หรือคนที่คิดว่าตัวเองมีสิทธิที่จะได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรีก็ต้องเคลื่อนไหวอย่างที่เห็นๆอย่างนี้ใครมีชื่อว่าจะหลุดก็ยังมีโอกาสที่จะได้ไปต่อ หากได้พลังหนุนใครที่มีหวังว่าจะได้รับโอกาสก็ต้องอาศัยแรงผลักดันเพื่อความแน่นอนคิดดูนายกรัฐมนตรีเจ้านายโดยตรงอยู่หัวหินไม่มีรัฐมนตรีคนไหนไปร่วมเป็นเพื่อน แม้แต่รัฐมนตรีบางคนที่ไปอยู่ด้วยก็ต้องรีบเผ่นขึ้นเชียงใหม่เพื่อไม่ให้พลาดงานสำคัญก็เป็นอย่างนี้แหละ…นายกรัฐมนตรีไม่ต้องน้อยอกน้อยใจ เพราะมันเป็นสัจธรรมทางการเมือง ที่ไหนมีแรงดึงดูดเพื่อได้ประโยชน์ก็ต้องไปที่นั่นไม่ว่ายุคสมัยไหนก็เป็นแบบนี้…หลังเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลแล้วก็คอยรับโทรศัพท์ หรือเรียกตัวพบเป็นการภายในก่อนกาชื่อใครไปอยู่ตรงไหนอย่างไรเพราะมันคงไม่ใช่แค่รัฐมนตรี “เพื่อไทย” เท่านั้น แต่มันกินวงกว้างไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีบอกเองว่า “ผิดฝาผิดฝั่ง” อันหมายถึงว่าต้องจัดการให้คนถูกกับงาน มิฉะนั้นมันจะไม่ราบรื่นไม่ได้ผลงานอย่างที่ต้องการวันนี้ไทยไม่ใช่มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ในบริบทของโลกที่กระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือภาวะสงครามล่าสุดที่อิหร่านเปิดฉากลุยอิสราเอลแล้วจะยืดเยื้อ หรือไม่บานปลาย ไม่มีใครคาดการณ์ได้แต่ที่แน่นอนทุกอย่างจะกระทบไปหมด โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ราคาทองพุ่งสูงขึ้นอันบ่งบอกได้ว่าเกิดภาวะความตึงเครียดขึ้นมาแล้วรัฐบาลในฐานะผู้รับผิดชอบ จึงต้องดูแลเอาใจใส่และเตรียมพร้อมรับมือให้ดีทุกด้าน ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีอยู่แล้วยิ่งต้องเพิ่มความถี่ในการรับมือและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาไว้ด้วยมีอยู่อย่างหนึ่งที่มีคนทัก แต่ว่านายกรัฐมนตรีนั้นไม่ควรควบเก้าอี้รัฐมนตรีคลัง เนื่องจากเป็นงานสำคัญจะทำให้ไม่มีเวลาที่จะดูแลด้านอื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญเช่นกันแต่คงเป็นเพราะคิดหวังจะให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วๆ จึงต้องการไปคุมเองทว่าปัญหาความมั่นคงก็เริ่มเพาะตัวขึ้นมาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพม่าและตะวันออกกลาง ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นคิดการใดก็ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีสอดคล้องกับความจริง!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม
Related posts