หลังสงกรานต์ผ่านไป ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มขยับจากฟองละ ๓.๔๐ บาท เป็นฟองละ ๓.๖๐ บาท หรือปรับขึ้นอีกฟองละ ๒๐ สตางค์ส่งผลให้ราคาไข่ไก่ขายปลีกปรับขึ้นเฉลี่ยฟองละ ๕๐ สตางค์ไข่ไก่เบอร์ศูนย์จาก ๔.๔๐ บาท ขึ้นเป็น ๕ บาทต่อฟองไข่ไก่เบอร์ ๑, จาก ๔.๒๐ บาท เป็น ๔.๗๐ บาทต่อฟองและไข่ไก่เบอร์ ๒, ปรับจาก ๔ บาท เป็น ๔.๔๐ บาทต่อฟอง ฯลฯ“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่ามีปัจจัย ๓ ประการทำให้ไข่ไก่แพงข้อที่ ๑, อากาศร้อนจัดทำให้แม่ไก่เครียดความเครียดทำให้แม่ไก่ออกไข่น้อยลงข้อที่ ๒, กลุ่มฟาร์มไก่ปลดแม่ไก่วัยชราจำนวนมากพร้อมกันทำให้ผลผลิตไข่ไก่ลดพรวดลงไป ๑๕ เปอร์เซ็นต์จากที่เคยผลิตไข่ไก่วันละ ๔๓ ล้านฟอง จึงเหลือเพียงวันละ ๓๗ ล้านฟองหรือเท่ากับไข่ไก่หายไปจากตลาด ๖ ล้านฟองต่อวันข้อที่ ๓, วิกฤติไข้หวัดนกระบาดใหญ่ในเวียดนาม ทำให้เวียดนามต้องเร่งนำเข้าไข่ไก่ไทยเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬารทำให้ไข่ไก่ขึ้นราคาด้วยประการฉะนี้แล“แม่ลูกจันทร์” มองว่าปัญหาไข่ไก่ขึ้นราคาเป็นเรื่องชั่วคราวช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ราคาไข่ไก่ขายปลีกเคยกระเด้งขึ้นสูงกว่านี้ด้วยซ้ำไปแล้วจากนั้นก็ย่อลงๆก่อนกระเด้งขึ้นอีกครั้งเมื่อวานซืน“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มจะขึ้นๆลงๆ อยู่แถวๆ ๓.๔๐ บาท ถึง ๓.๗๐ บาทต่อฟองส่งผลให้ราคาไข่ไก่ขายปลีกจะกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ที่ ๔ บาท ถึง ๕ บาทต่อฟองยังเป็นระดับราคาที่คนเลี้ยงไก่พออยู่ได้คนขายไข่ไก่ยังไม่ขาดทุนและคนกินไข่ไก่ไม่กระเป๋าแหกเกินควรในระยะสั้นรัฐบาลต้องตั้งรับปัญหาไข่แพง ๒ ประการ๑, อย่าปล่อยให้ใครอ้างเหตุไข่ไก่ขึ้นราคาเพื่อฉวยโอกาสขึ้นราคาอาหารตามอำเภอใจ๒, อย่าปล่อยให้ราคาก๊าซหุงต้มดิ้นทะลุเพดานที่รัฐบาลควบคุม เพราะจะทำให้อาหารแห่ขึ้นราคากันระเบิดเถิดเทิง“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่าหากเทียบราคาไข่ไก่ยุครัฐบาลลุงตู่กับราคาไข่ไก่ยุครัฐบาลเศรษฐา“ไข่ลุงตู่” แพงกว่า “ไข่เศรษฐา” ฟองละ ๑๐ สตางค์แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ขนาด “ไข่ไก่” ฟองมันเล็กลงๆๆ!!“แม่ลูกจันทร์” ยืนยันว่าไข่ไก่เบอร์ศูนย์ฟองเล็กกว่าเดิมอย่างชัดเจนไข่ไก่เบอร์ ๑, เบอร์ ๒, เบอร์ ๓ ฟองเล็กลงๆลดหลั่นกันไปโดยเฉพาะไข่ไก่เบอร์ ๔, ใกล้จะเป็นไข่นกกระทาเต็มทีสรุปว่าไข่ไก่ฟองเล็กลงๆไม่เป็นธรรมกับคนไทยที่กินไข่ไก่เฉลี่ยคนละ ๓๔๕ ฟองต่อปีแต่ที่แปลกยิ่งกว่าคือ ไข่ไก่ไทยยุคดิจิทัลทำไข่เจียวไม่หอมเท่าเดิมเอาไปทำไข่ลูกเขยก็ไม่อร่อยเหมือนเดิมเอาไปทำไข่ลวกก็แย่กว่าเดิมเอาไปทำไข่พะโล้ก็ไม่น่ากินเหมือนเดิมทำไมเป็นอย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะโยม.“แม่ลูกจันทร์”คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม
