Thursday, 19 December 2024

ชาวตากเตรียมนำรถไถ ปิดทางเข้าบ่อแคดเมียม ชี้มี ๗ บ่ออยู่ใกล้แม่น้ำปิง

ชาวบ้านในพื้นที่ฝังกลบกากแคดเมียม ๑.๓ หมื่นตัน ที่จะนำกลับมาฝังกลบใน ๗ หลุมในโรงงานต้นทางที่จ.ตาก ยังวิตกกังวลในเรื่องมลพิษ ไม่มั่นใจในความปลอดภัย เผยหลุมฝังอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำปิง ในอนาคตใครจะรับประกันได้ว่าไม่มีการรั่วไหล หากยังไม่มีความชัดเจนจะรวมตัวนำเครื่องจักรการเกษตรมาปิดทางเข้าโรงงาน ไม่ให้นำกากอุตสาหกรรมมาสร้างระเบิดเวลาให้ชาวบ้านวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗ จากกรณีที่วานนี้ เวลา ๑๔.๐๐-๑๘.๓๐ น. มีการประชุม ๖ หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ ในการแก้ไขปัญหาการผลกระทบจากสารแคดเมียม โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตรสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นายวิษณุ ทับเที่ยง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม, นายอานันท์ ฟักสังข์ ผู้อำนวยการกองวิศวกรรมบริการ รักษาราชการแทน รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ณ ห้องประชุมตากสินมหาราช ชั้น ๕ ศาลากลางจังหวัดตาก นายศุภโรฒ พรมทับ ชาวบ้าน หมู่ ๓ บ้านคลองห้วยทราย ต.หนองบัวใต้ อ.เมือง จ.ตาก เปิดเผยว่า การขนย้ายกากอุตสาหกรรมแคดเมียมกลับมายังจังหวัดตาก แม้ว่าทางราชการจะบอกว่า มีความมั่นใจในมาตรการความรัดกุมในการขนย้าย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงวิตกกังวลต่อระบบฝังกลบ ไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพราะยังไม่มีข้อสรุปที่จะบอกกับชาวบ้านว่า ปลอดภัยต่อชุมชน แม้วันนี้จะบอกว่าปลอดภัย แต่วันข้างหน้าจะมั่นใจอย่างไรว่าจะไม่มีผลกระทบ ถ้าหากวันข้างหน้ามีการรั่วซึมหรือทะลักเล็ดลอดออกมา ลงสู่แม่น้ำปิงที่ห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร จะมีผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำในแม่น้ำปิงก่อนที่จะไหลลงสู่เจ้าพระยา และจากการที่พบกากอุตสาหกรรมแคดเมียมในพื้นที่ต่างๆ จำนวน ๑๓,๘๐๐ ตัน ล้วนเป็นสารอันตรายต่อร่างกาย แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเพียงเล็กน้อย แต่ที่จังหวัดตาก คือแหล่งกักเก็บกากอุตสาหกรรมแคดเมียม จำนวนมากถึง ๗ บ่อ ชาวบ้านบางคนก็ทราบอันตรายจากสารแคดเมียม บางคนก็ไม่ทราบ แต่ตัวเองรู้เพราะในอดีตเคยเป็นพนักงานโรงงาน แต่ได้ป้องกันตัวเองโดยใช้อุปกรณ์เซฟตี้ที่โรงงานจัดหาให้อย่างรัดกุม   “ข่าวพิษภัยของสารแคดเมียมยังส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในชุมชน ที่มีอาชีพทางการเกษตร นำพืชผลทางการเกษตร เช่นผลไม้ นำไปจำหน่าย คนซื้อก็หวาดระแวง กังวลว่าจะมีสารแคดเมียมเข้าไปปนเปื้อนในพืชผลการเกษตรเหล่านั้น ที่ผ่านมาหน่วยงานราชการ ยังไม่เคยเข้ามาตรวจสุขภาพร่างกายของคนในชุมชน และตัวอย่างดิน หรือผิวดิน ในจุดที่ชาวบ้านสงสัยว่าน่าจะเป็นจุดรั่วไหล หรือจุดเสี่ยงอันตรายที่อาจจะมีการปนเปื้อนของสารพิษ”นายศุโรฒ  ยังกล่าวอีกว่า การเคลื่อยย้ายกากอุตสาหกรรมแคดเมียม มายังจังหวัดตาก สามารถทำได้ แต่จะต้องทำอย่างถูกต้องตามระบบของกฎหมาย ทำอย่างไรที่จะให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่คลายความวิตกกังวล ในการต่อสู้เรียกร้องของชาวบ้านไม่เป็นผล ยังคงมีความวิตกกังวลในความปลอดภัยของสุขภาพที่ยั่งยืน ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และเกษตรกร จะรวมตัวกันนำเครื่องมือเครื่องจักรการเกษตรมาปิดทางเข้าโรงงาน ไม่ให้นำกากอุตสาหกรรมมาสร้างระเบิดเวลาให้ชาวบ้าน สุดท้ายสิ่งที่พวกเราจะดำเนินการได้ในเรื่องของความปลอดภัย ก็อยากให้มีหน่วยงานกลางที่มีความน่าเชื่อถือ มาออกหนังสือรับรองความปลอดภัยของการดำเนินการครั้งนี้ว่าจะปลอดภัย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ทางชาวบ้านก็พร้อมที่จะรับฟังอย่างมีเหตุมีผล แต่หากภายหลังหากพบว่า มีข้อพิษพลาดจากการดำเนินการดังกล่าวจนนำมาสู่ความไม่ปลอดภัยต่อสวัสดิภาพ มีผลกระทบต่อสุขภาพต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานดังกล่าวจะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบต่อความผิดพลาดนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการนำกากอุตสาหกรรมแคดเมียมทั้งหมดกลับมาที่ จ.ตาก กำหนดในวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗ นำมาเก็บพักรอไว้ที่อาคารพักคอย ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ มีหลังคามิดชิด พื้นที่กว้างประมาณ ๒,๐๐๐ ตารางเมตร ซึ่งเพียงพอต่อการกักเก็บสารทั้งหมด ที่บรรจุมาในถุงบิ๊กแบ็ก เมื่อก่อกักเก็บทำการซ่อมแซมแล้วเสร็จก็จะดำเนินการฝังกลบตามมาตรฐานต่อไป ส่วนข้อกังวล เรื่องรอยรั่วของหลังคา ทางเจ้าหน้าที่ก็จะซ่อมเปลี่ยนหลังคาให้สมบูรณ์ ยืนยันไม่มีปัญหาการรั่วไหลของน้ำฝนอย่างแน่นอน