“สมศักดิ์” เผย สทนช.เร่งเดินหน้ารับมือภัยแล้ง หลังพบ ๔ แห่ง ต้องเฝ้าระวังน้ำน้อย ชี้เร่งลงพื้นที่แก้ปัญหาน้ำแล้ว ๓๓ จังหวัด ขับเคลื่อนตามมาตรการรองรับฤดูแล้ง ช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ เมื่อวันที่ ๒๐ เม.ย. ๖๗ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดยขณะนี้มีปริมาณน้ำรวมทั้งประเทศ ๔๖,๐๒๗ ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ๕๖% น้อยกว่าปี ๒๕๖๖ จำนวน ๒,๒๓๒ ล้านลูกบาศก์เมตร และมีปริมาณน้ำใช้การ ๒๑,๘๔๖ ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ๓๘% ส่งผลให้ต้องเฝ้าระวังน้ำน้อย ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำพบว่า ต้องเฝ้าระวังน้ำน้อย จำนวน ๔ แห่ง คือ ภาคเหนือ เขื่อนสิริกิติ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขื่อนจุฬาภรณ์, ภาคกลาง เขื่อนกระเสียว และภาคตะวันออก คลองสียัดนายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สทนช.ยังได้ขับเคลื่อนมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ เพราะตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน๒๕๖๖ – ๑๒ เมษายน๒๕๖๗ มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน ๔ จังหวัด ๘ อำเภอ ๒๓ ตำบล เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนน้ำด้านการเกษตร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบปัญหาทั้งหมดแล้ว คือ ภาคเหนือ จ.นครสวรรค์ ๑ อำเภอ ๑ ตำบล, ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี ๓ อำเภอ ๓ ตำบล และภาคตะวันตก จ.กาญจนบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ๔ อำเภอ ๑๙ ตำบล”นอกจากนี้ สทนช.ยังได้ติดตามพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจะขาดแคลนน้ำ ทั้งด้านอุปโภคบริโภค การเกษตร และคุณภาพน้ำ โดยเฉพาะในหลายพื้นที่นอกเขตชลประทาน ที่มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคในช่วงเดือน ก.พ.-เมษายน๒๕๖๗ ซึ่งได้บูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ไปแก้ปัญหาแล้วจำนวน ๓๓ จังหวัด ๖๕ อำเภอ ๑๑๗ ตำบล รวมถึงยังได้แก้ปัญหาภัยแล้งจากสื่อออนไลน์ที่พบว่า จ.กระบี่ เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ไม่มีฝนในพื้นที่ต้นน้ำ ทำให้น้ำในคลองกระบี่ใหญ่ลดลง จนไม่เพียงพอต่อการสูบผลิตได้เหมือนเดิม โดยปัจจุบันได้แก้ปัญหาใช้น้ำจากแหล่งน้ำสำรองสระทับปริกมาเสริมแผนการจัดการแล้ว ซึ่งการเตรียมพร้อมรับมือภายใต้มาตรการรองรับฤดูแล้ง สทนช.ก็เดินหน้าอย่างเต็มที่ โดยได้มีการลงพื้นที่เพิ่มเติมคือ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ ๑๘ เม.ย. และ จ.บึงกาฬ เมื่อวันที่ ๑๙ เม.ย. ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วน” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว.
