Monday, 23 December 2024

ต้าน "บิ๊กเล็ก" ผงาดกลาโหม เสื้อแดง-ก้าวไกลผวาอํานาจเก่า เคยอยู่ชุดรัฐประหาร

โผ คณะรัฐมนตรีเศรษฐา ๒ ยังไม่นิ่ง รัฐมนตรีเป้าถูกเขี่ยทิ้งวิ่งฝุ่นตลบ นายกฯหวั่นแรงกระเพื่อมพุ่ง ขีดเส้นปิดจ๊อบก่อนสิ้นเดือน เม.ย. “คนเพื่อไทย-ก้าวไกล” ใจตรงกันค้านดัน “บิ๊กเล็ก” นั่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหมประกบ “เศรษฐา” “วรชัย” ขวางกลุ่มอำนาจเก่าคุมกลาโหม อย่าให้คนรู้เห็นเป็นใจปราบเสื้อแดงมาเป็น รมต. เตือนระวังสะสมกำลังหาช่องยึดอำนาจฝ่ายประชาธิปไตยอีกครั้ง “พริษฐ์” ซัดเสียหลักการรัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ หวั่นฉุดวาระปฏิรูปกองทัพสะดุด “ไหม” เชียร์ “พิชัย” เสียบแทน “เศรษฐา” ได้ขุนคลังทำงานเต็มเวลา หวดเงินดิจิทัลวอลเล็ตเลี้ยวเข้ากระเป๋าใคร “สุดารัตน์” นั่ง หน.พรรค ทสท.ต่อ ถ่ายเลือดใหญ่ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมทีมบริหาร ปชป.เฉ่งรัฐบาลจงใจเตะถ่วงแก้ รธน. ยื้อทำประชามติก่อนดำเนินการในสภาฯไม่สอดคล้องหลักการของ รธน.โผปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา ๒ ยังไม่ลงตัว รัฐมนตรีที่ตกเป็นเป้าหมายปรับเปลี่ยนหรือปรับพ้นจากตำแหน่งยังคงมีความพยายามต่อรองเพื่อรักษาเก้าอี้ ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลังตั้งเป้าอยากให้การปรับ คณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นก่อนสิ้นเดือน เม.ย. เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานในภาพรวมโผ คณะรัฐมนตรียังไม่นิ่งขาใหญ่ต่อรองวุ่นผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) “เศรษฐา ๒” ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการต่อรองของผู้มีอำนาจในพรรค รวมถึงนายทุนผู้สนับสนุนพรรคอยู่ทำให้ทุกอย่างยังไม่ลงตัว โดยยังคงมีการเคลื่อนไหวต่อรองกันเป็นระยะ แต่ในเบื้องต้นที่ค่อนข้างนิ่งมีรายชื่อที่จะหลุดออกจากตำแหน่ง ๕ คน ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข ที่ผลงานในตำแหน่งรัฐมนตรีไม่เข้าเป้า จึงถูกมองว่าถ้าได้ไปอยู่ทำงานที่สภาฯที่เป็นงานถนัด จะมีความเหมาะสมมากกว่า เช่นเดียวกับนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ที่พรรคต้องการให้ไปมีบทบาทช่วยขับเคลื่อนงานสภาฯ เพื่อต่อสู้เกมการเมืองในสภาฯกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) “ไชยา-เกรียง-พวงเพ็ชร” ดิ้นอยู่ต่อผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ในกลุ่มรัฐมนตรีที่ถูกผู้ใหญ่ของพรรคประเมินว่าผลงานที่ผ่านมาไม่โดดเด่น มีรายชื่ออยู่ในโซนอันตรายแนวโน้มจะถูกปรับออกสูง ทั้งนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากขณะนี้ทุกคนกำลังพยายามเร่งหาช่องทาง หรือผู้สนับสนุนที่มีกำลังเพียงพอเพื่อช่วยต่อรองอยู่“สุริยะ”ทางโล่งนั่งควบรองนายกฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลุ่มรัฐมนตรีที่จะมีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนตำแหน่งมี ๖ ตำแหน่ง ประกอบด้วยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ที่จะขยับไปนั่งควบ รัฐมนตรีว่าการกลาโหมแทนนายสุทิน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯที่จะไปนั่งเป็นรมว.สาธารณสุข แทน นพ.ชลน่าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม ที่ทำผลงานได้ดีเข้าตานายกฯ ทำให้ถูกวางตัวให้มานั่งควบรองนายกฯอีกตำแหน่ง นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการต่างประเทศ สายตรงคนใกล้ชิดนายกฯที่นายเศรษฐาต้องการให้ขยับมาอยู่ช่วยงานใกล้ตัวในตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รวมถึงนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการวัฒนธรรม ที่ถูกวางตัวให้สลับตำแหน่งกับ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา ที่นายทุนพรรคพยายามต่อรองยื้อให้ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม“ณัฐพล” ขึ้นชั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกห.ประกบ “เศรษฐา”ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับคนที่จะได้เข้ามารับตำแหน่งเบื้องต้นมี ๓ คน ประกอบด้วยนายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อดีตพยานปากเอกในคดีจำนำข้าวและมีความใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ ถูกวางตัวให้มานั่งตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการคลัง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ที่เคยมีชื่อเป็นแคนดิเดต รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ตอนตั้งรัฐบาลใหม่ๆ คราวนี้ขยับกระชับอำนาจดูแลกองทัพ ถูกวางตัวให้เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม เพื่อช่วยงานนายเศรษฐา นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการคลัง ที่เป็นคนทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของพรรค พท. มีโอกาสมารับตำแหน่งรมช.คลัง เพื่อผลักดันนโยบายดังกล่าว รวมถึงอีกรายชื่อที่จะเข้ามารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกฯ ที่เป็นโควตาเดิมที่เคยถูกวางตัวให้เข้ามาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาล และโควตาดังกล่าวยังว่างอยู่มีแนวโน้มจะได้เข้ามาในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ นายกฯขีดเส้นปิดจ๊อบก่อนสิ้นเดือน เมษายนผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า อย่างไรก็ตาม แม้ทุกอย่างยังไม่นิ่ง แต่นายเศรษฐาต้องการให้การปรับ คณะรัฐมนตรีครั้งนี้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นเดือน เม.ย. เพื่อให้ทุกอย่างจบเร็วที่สุด ไม่อยากให้มีแรงกระเพื่อมมากไปกว่านี้ รัฐบาลจะได้เดินหน้านโยบายที่ตั้งใจไว้ให้เกิดผลสำเร็จเร็วที่สุด เพราะถ้ากระแสการปรับคณะรัฐมนตรียังไม่จบก็จะกระทบการทำงานในหลายภาคส่วน“วรชัย” หนุนโละ รัฐมนตรีโควตาสมนาคุณนายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับ คณะรัฐมนตรีว่า การปรับคณะรัฐมนตรี วันนี้จำเป็นต้องเอาคนที่ถูกฝาถูกตัวกับเนื้องานมาช่วยงานนายกฯในการบริหารมากยิ่งขึ้น แล้วเอาคนที่ได้ตำแหน่งเพราะเหตุผลทางการเมืองในการตอบแทนการทำงานให้พรรค พท.ในระยะเวลาที่ผ่านมา แล้วได้เป็นรัฐมนตรีกว่า ๘ เดือน แต่งานไม่ออกออกไป เพราะประเทศต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถตรงกับเนื้องานจริงๆเข้ามาทำงาน ไม่เช่นนั้นแล้วรัฐบาลจะไม่มีผลงานเพื่อใช้สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปได้ขวางกลุ่มอำนาจเก่านั่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหมนายวรชัยกล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่สำคัญที่สุดในการปรับ คณะรัฐมนตรีครั้งนี้ เราเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วม พรรคร่วมรัฐบาลจำเป็นต้องปรับคนของแต่ละพรรคให้มีผลงานออกมาเป็นเนื้อเดียวกันในการแก้ปัญหาวิกฤติของชาติไปให้ได้ ที่สำคัญที่สุดพรรคการเมืองบางพรรคที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอำนาจเดิมที่ยึดอำนาจมาจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อย่าเอาคนที่มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจกับการปราบปรามสลายม็อบคนเสื้อแดงจนมีการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย รวมถึงมีส่วนร่วมกับการยึดอำนาจเข้ามาเป็นรัฐมนตรี เพราะจะทำให้พี่น้องประชาชนที่รักประชาธิปไตยและยืนเคียงข้างพรรค พท.ผิดหวัง แล้วจะทำให้คนกลุ่มนี้หันหลังให้กับพรรค พท.ในที่สุดหวั่นสะสมกำลังยึดอำนาจขั้ว ปชต.ซ้ำ“ประกอบกับกระแสข่าวที่นายกฯจะไปนั่งรมว.กลาโหม แล้วให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม มาเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกลาโหม จะทำให้อำนาจคุมกองทัพกลับไปอยู่กับกลุ่มทหารเดิมที่เคยมีส่วนร่วมกับการยึดอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์และอาจเกิดการสะสมกำลังรอคอยโอกาสเวลาที่เหมาะสมที่รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง สร้างเงื่อนไขหาเหตุผลในการยึดอำนาจจากฝ่ายประชาธิปไตยได้อีกครั้ง” นายวรชัยกล่าวก.ก.ค้านเด็กคณะ รปห.คุมกลาโหมนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรค ก.ก. กล่าวถึงเรื่องการปรับ คณะรัฐมนตรีว่า การปรับ คณะรัฐมนตรีจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อรัฐบาลปรับเพื่อดึงคนที่เชี่ยวชาญกว่ามาอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีที่เหมาะสม แต่หากยังปรับแบบคำนึงถึงแค่ปัจจัยเรื่องโควตาการเมือง คงจะไม่ทำให้ภาพรวมการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อถามว่า มองกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ซึ่งเคยเป็นมือทำงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ สมัย คสช.ยึดอำนาจ อีกทั้งเป็นเตรียมทหารรุ่นที่๒๐ รุ่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. และรองเลขาธิการพระราชวัง มาเป็น รัฐมนตรีว่าการกลาโหม แทนนายสุทิน คลังแสง อย่างไร นายพริษฐ์ตอบว่า เก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม รัฐบาลเศรษฐา ๑ เป็นหนึ่งในตำแหน่งที่ประชาชนฝากความหวัง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย รัฐมนตรีว่าการกลาโหม เป็นพลเรือนที่ไม่ใช่นายกฯ แม้ที่ผ่านมาพรรค ก.ก.เคยอภิปราย ๑๕๒ ว่า วาระการปฏิรูปกองทัพมีความคืบหน้าน้อยกว่าที่หวัง การมีพลเรือนมาบริหารกระทรวงกลาโหมเป็นวิธีการหนึ่งที่สำคัญ ในการยืนยันหลักการรัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพหวั่นวาระปฏิรูปกองทัพสะดุดโฆษกพรรค ก.ก.กล่าวอีกว่า ล่าสุดวันนี้นายสุทิน เพิ่งประกาศว่าจะมีการเดินหน้าแก้ไข กฎหมาย ๒ ฉบับคือ พระราชบัญญัติระเบียบราชการกลาโหมและ พระราชบัญญัติศาลทหาร แม้เนื้อหาการแก้ไขอาจยังไม่ครอบคลุมทุกประเด็นที่พรรค ก.ก.ยื่นร่างแก้ไข แต่เป็นสัญญาณดี เพื่อปรับโครงสร้างการบริหาร กระทรวงและกองทัพ ให้ยืนยันหลักการว่ารัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ “ถ้ามีการปรับ คณะรัฐมนตรีจริง โดยเป็นการเอาคนในกองทัพที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายอำนาจเดิม และเชื่อมโยง หรือมีความใกล้ชิดกับคณะรัฐประหารมาบริหารกระทรวงจริง ประชาชนอาจจะตั้งคำถามได้ว่าอาจจะทำให้วาระการปฏิรูปกองทัพ และการยืนยันหลักการรัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพมันสะดุดลง” “ไหม” เชียร์ได้ รัฐมนตรีว่าการคลังเต็มเวลาที่อาคารอนาคตใหม่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวนายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกฯ และประธานกรรมการ ตลท.จะมารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการคลังว่าการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ นั่งควบ รัฐมนตรีว่าการคลัง เป็นเรื่องไม่สมควรตั้งแต่ต้น ไม่สามารถทำงานเต็มเวลาได้ ดังนั้นเป็นเรื่องที่ดีหากมี รัฐมนตรีว่าการคลังมาทำงานเต็มเวลา นายพิชัยไม่ใช่คนหน้าใหม่ พรรค ก.ก.คงจะไม่ให้โอกาสในช่วงทดลองงาน ไม่มีช่วงฮันนีมูน เพราะถือว่ารัฐบาลทำงานมา ๗ เดือนแล้ว ขอให้ทำงานเต็มที่ตั้งแต่วันแรก เมื่อถามว่าต้องให้กำลังใจนายพิชัยหรือไม่ เพราะต้องมาสานต่อนโยบายเรือธงอย่างดิจิทัลวอลเล็ต น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เข้าใจว่านายพิชัยอยู่ในทีมที่ทำงานเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด แต่เข้าใจว่าครั้งนี้จำเป็นต้องใช้ ๑ รัฐมนตรี และ ๒ รัฐมนตรีช่วย ในการขับเคลื่อนนโยบาย ฝากกำลังใจไปยังกระทรวงฯและข้าราชการประจำ ที่ต้องมาแบกรับภาระตรงนี้ เพราะเป็นโครงการใหญ่มาก เสี่ยงสูงที่จะไม่ประสบความสำเร็จหรือคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอัดเงินวอลเล็ตหมุนเข้ากระเป๋าใครเมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. ที่พรรค ก.ก.จัดเสวนา หัวข้อ “ดิจิทัลวอลเล็ต…เงินกำลังจะหมุนไปไหน?” โดยมี น.ส.ศิริกัญญา กล่าวตอนหนึ่งว่า มีข้อกังวลเกี่ยวกับซุปเปอร์แอป ตัวระบบจะเสร็จทันหรือไม่ หากระบบล่มจะส่งปัญหากับผู้ใช้งานกรณีแอปพลิเคชันไม่เสถียร เหมือนแอปพลิเคชันเป๋าตัง พรรคจะติดตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่ารัฐบาลดำเนินการได้ทันในไตรมาส ๔ ตามที่ประกาศออกมาหรือไม่ ช่วงหนึ่งมีประชาชนทางบ้านถามว่า ช่วยคนรากหญ้า แต่กลับมีร้านสะดวกซื้อเข้ามาร่วม น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า เราจึงต้องทำงานหนัก เพื่อให้ร้านค้าขนาดเล็กเข้าร่วม แต่ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะทำหรือไม่  ด้วยเงื่อนไขที่มียิ่งทำให้เห็นชัดว่าเงินจะหมุนกระจุกอยู่ที่ทุนขนาดใหญ่ โดยวิธีการและเงื่อนไขต่างๆที่สร้างข้อจำกัดให้กับร้านค้าขนาดเล็ก โดยเฉพาะเงื่อนไขการแลกเป็นเงินสดได้เฉพาะที่อยู่ในฐานภาษี ร้านขนาดเล็กที่สายป่านสั้น ยิ่งจะไม่อยากเข้าร่วม คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆคือร้านค้าขายปลีกที่เป็นเชนขนาดใหญ่ รวมถึงร้านค้าสะดวกซื้อต่างๆ ที่ได้อานิสงส์จากเรื่องนี้ไปเต็มๆหากรัฐบาลไม่เปลี่ยนเงื่อนไขจูงใจให้ร้านขนาดเล็กเข้ามาร่วม เงินก็จะหมุนไปอยู่กับทุนใหญ่เท่านั้น เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ถ้าบล็อกเชนโปร่งใส ทําให้เข้าไปเช็กได้ เห็นว่ามีกระเป๋าเงินไหนได้เงินเป็นพิเศษ เรื่องนี้ยังแก้ไขทัน หากใส่ใจอยากจะให้เงินกระจายไปทั่วๆทสท.ถ่ายเลือดใหม่ “เจ๊หน่อย” นั่ง หน.วันเดียวกันที่สุบรรณฮอลล์ ซอยเดชะตุงคะ ๑ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) จัดประชุมใหญ่“ไทยสร้างไทย ก้าวต่อไปเพื่อคนตัวเล็ก” มีแกนนำพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคกว่า ๕๐๐ คนเข้าร่วมพร้อมเพรียง มีการประกาศอุดมการณ์พรรค เน้นการสร้างนโยบายเพื่อช่วยคนตัวเล็ก มุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ โดยมีคนรุ่นใหญ่เป็นฐาน และมีคนรุ่นใหม่เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนพรรค โดยการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เห็นชอบให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรค นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ดสมัยแรก เป็นเลขาธิการพรรค รวมทั้งเลือกคนรุ่นใหม่เป็นผู้บริหารพรรคหลายตำแหน่ง เช่น นายสมชาย เวสารัชตระกูล นายกิติ วงษ์กุหลาบ นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน เป็นรองหัวหน้าพรรค นายนรุตม์ชัย บุนนาค นายรณกาจ ชินสำราญ นายณัฐวัฒน์ พอใช้ได้ นายภัทรดนัย ใหม่พระเนตร นายวรวุฒิ โตวิรัตน์ และนายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ เป็นรองเลขาธิการพรรค นายปริเยศ อังกูรกิตติ เป็นโฆษกพรรค นายภัชริ นิจสิริภัช เป็นเหรัญญิกพรรคและนายศรัณยู คงสวัสดิ์เกียรติ เป็นนายทะเบียนพรรคโอ่กองทุนเครดิตดีกว่าดิจิทัลวอลเล็ตคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ทสท. ระบุว่า จะเดินหน้าทำงานเต็มที่และก้าวต่อไปอย่างมั่นคง บนพื้นฐานของอุดมการณ์ประชาธิปไตย ซื่อสัตย์ต่อคำมั่นสัญญา ไม่ทรยศหักหลังประชาชน การเมืองปัจจุบันและในอนาคตแตกต่างจากในอดีต ที่การใช้อิทธิพล ระบบอำนาจนิยม รวมถึงการใช้เงินทองซื้อเสียง จะไม่สามารถชนะเลือกตั้งได้เรา วางจุดยืนเป็นพรรค “Progressive Conservative” รักษาและต่อยอดจุดแข็งของประเทศ คือความเป็นชาติไทย และการที่เรามีสถาบันที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย ทำให้คนไทยอยู่ร่วมกัน รักกันแบบพี่น้องร่วมชาติ เชื่อมกับแนวคิดประชาธิปไตยเพื่อประชาชน การสร้างความยุติธรรม การกระจายโอกาสให้ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน การขจัดคอร์รัปชัน และการนำวิทยาการสมัยใหม่มาขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้า ทั้งมิติเศรษฐกิจ ความรู้ และสังคม พี่น้องคนตัวเล็กจะได้รับโอกาสสร้างงานสร้างอาชีพ มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ ทุกนโยบายมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน สร้างความเท่าเทียม กองทุนเครดิตประชาชนจึงมีหลักคิดต่างจากนโยบายแจกเงิน Digital ๑๐,๐๐๐ บาทของรัฐบาล ที่ใช้เงินมหาศาลถึง ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท กลายเป็นภาระหนี้ชั่วลูกชั่วหลาน เงินกู้ยืม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและจัดงบแบบขาดดุลคือการกู้เงินอยู่ดี การไม่แจกเป็นเงินสดจะไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจหมุนเป็นพายุได้ คนจนจะไม่ได้รับประโยชน์แท้จริง จะได้เพียงการซื้อข้าวของมาใช้เพียงชั่วคราว และสังคมยังมีข้อสงสัยเรื่องการทุจริตเชิงนโยบายว่าทำไมไม่แจกเป็นเงินสดอย่างตรงไปตรงมาชทพ.ประชุมใหญ่ย้ำยึดมั่นดูแล ปชช.เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เป็นประธานประชุมใหญ่พรรคสามัญครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ โดยมีแกนนำพรรค นายประภัตร โพธสุธน สส.สุพรรณบุรี เขต ๕ ในฐานะเลขาธิการพรรค นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส. สุพรรณบุรี เขต ๒ นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส.สุพรรณบุรี เขต ๔ นายสรชัด สุดจิตต์ สส.สุพรรณบุรี เขต ๑ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ สส.ร้อยเอ็ด เขต ๑ คณะกรรมการบริหารพรรค สส. ผู้แทนสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดและสมาชิกพรรคเข้าร่วมพร้อมเพรียงกอดอุดมการณ์ซื่อสัตย์สุจริตยุติธรรมนายวราวุธขึ้นเวทีกล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค ชทพ.ทำหน้าที่รับผิดชอบต่อพรรค ต่อสมาชิกพรรคและประชาชนตามนโยบายของพรรคที่ได้ประกาศ ไว้ ขณะเดียวกันในฐานะหนึ่งในรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องรับผิดชอบต่อนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ที่ได้แถลงไว้ โดยเฉพาะนโยบายด้านสังคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่ได้ประกาศไว้ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วยสวัสดิการโดยรัฐ อันถือเป็นความรับผิดชอบสูงสุดของฝ่ายการเมืองต่อประเทศชาติและประชาชน ยึดมั่นอุดมการณ์ดูแลความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ไม่ต่างกับอุดมการณ์ พรรค ชทพ.บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริต และยุติธรรม เชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรค ชทพ.ทุกคนเรายังคงทำหน้าที่ทุกอย่างเต็มที่เต็มความสามารถ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน และทำอย่างต่อเนื่องดังเช่นที่เคยปฏิบัติมา ขอบคุณสมาชิกพรรคทุกคน หวังว่าทุกการขับเคลื่อนงานที่เรากำลังทำอยู่ จะได้รับแรงสนับสนุนจากทุกคน “ท็อป” ยันยังไม่ได้รับสัญญาณปรับ คณะรัฐมนตรีต่อมาเวลา ๑๐.๐๐ น. นายวราวุธกล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ยังไม่ได้รับการส่งสัญญาณ ส่วนมีการพูดคุยกับพรรคร่วมหรือยัง ไม่สามารถตอบแทนพรรคอื่นได้ แต่ในส่วนของพรรคยังไม่ได้มีการหารือ เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะได้อยู่ที่เดิมหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ไม่ได้มั่นใจ เพราะยังไม่รู้ ยังไม่มีการติดต่อ ทำงานเต็มที่ แต่ถึงจะมีสัญญาณหรือไม่มีสัญญาณ ตราบใดที่ยังดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการการพัฒนาสังคมฯ จะทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย ตราบใดยังใส่หมวกรัฐมนตรี กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ไม่สามารถตอบแทนรัฐบาลและพรรคแกนนำได้ว่า ทำงานมา ๗ เดือน ถึงเวลาต้องปรับ คณะรัฐมนตรีหรือไม่ พรรค พท.ต้องเป็นผู้ตอบคำถามนี้ แต่ยืนยันในส่วนของพรรค ๗ เดือนที่ผ่านมามีผลงานมากมาย เปลี่ยนมิติการทำงานในกระทรวง หัวใจสำคัญของการทำงาน การเมือง คือการสร้างความเปลี่ยนแปลงในงานที่เราทำ ตั้งแต่การเลือกตั้งปี ๖๒ จนถึงวันนี้ เชื่อว่าพี่น้องประชาชนได้เห็นแล้ว ไม่ว่าเราจะทำงานอยู่ในกระทรวงใด เราสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ในทางที่ดี เรื่องงานเราไม่เคยกลัว เราทำงานไม่เคยแพ้ใคร มั่นใจว่าเราสู้ได้แน่นอน“วันชัย” ถามใครจะปฏิวัติ “ทักษิณ”วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ สว.โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “ใครจะปฏิวัติ?!” ระบุว่า มีหมอดูบางคนบอกว่า ดวงคุณทักษิณเดือน กันยายน๒๕๖๗ อาจเกิดรัฐประหารเหมือนที่เคยโดนมาแล้ว ขึ้นเร็วลงเร็ว ดวงชะตากำลังใกล้ถึงฆาต หมอดูพวกนี้ใช้ข้อมูลความคิด ความรู้สึกแบบเก่าๆผสมอารมณ์ตกค้าง ไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของดวงดาว บริบททางการเมือง คุณทักษิณออกจากคุกในวันที่ดาวจันทร์เป็นมหาอุจ เป็นจันทร์ส่องหล้า มากับเสาร์ ๕ ทั้งแข็งและแรง ดาวพฤหัสก็ย้ายและดาวใหญ่ๆมาชุมนุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นความศิวิไลซ์แห่งประเทศ ความอาเพศ ความวิบัติมลายหายสิ้นไปอวยเขามากับอาญาสวรรค์ช่วย ปท.“เขามากับอาญาสวรรค์ ไม่ใช่ภารกิจส่วนตัวหรือครอบครัว แต่เป็นภารกิจเอาความรู้ความสามารถ ประสบการณ์มาช่วยเหลือประเทศ สังคม และประชาชน กำลังขยับเข้ามามีบทบาทมากขึ้น คือศูนย์รวมอำนาจตัวจริง เสียงจริง ไม่ปล่อยให้เป็นก๊กก๊วนเหมือนเก่า มากำกับอำนาจให้เป็นเอกภาพ โดยเฉพาะรัฐบาล พรรค และมวลชนต้องเข้มแข็งยิ่งใหญ่รองรับการขับเคลื่อนและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นตามที่ประกาศเมื่อวันสงกรานต์ว่า เมื่อได้งบประมาณบ้านเมือง จะดีขึ้น ปีหน้าจะเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น เรื่องปรับ ครม. การปรับเปลี่ยนข้าราชการประจำจึงเป็นเรื่องตามมา หมอดูทั้งหลายพึงรู้ไว้เดือน กันยายน๒๕๖๗ นักโทษชายทักษิณพ้นโทษแล้ว เขารัฐประหารตัวเองเป็นอิสระแล้ว ใครจะมารัฐประหารเขาอีก อย่างนี้พวกหลงโรงคงอกแตกตาย” นายวันชัยกล่าว “อิ๊งค์” โพสต์คลิปพาพ่อเดินห้างเมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์สตอรีอินสตาแกรมส่วนตัว เป็นคลิปวิดีโอที่ไปเดินห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ และได้แวะร้านของจิ๋ว โดย น.ส.แพทองธารเขียนข้อความระบุว่า “ซื้อของจิ๋วตามอาชีพ ตอนเด็กๆ” ซึ่งในคลิป น.ส.แพทองธารได้ถามนายทักษิณว่า “ตอนเด็กๆเคยขายอะไรบ้างคุณพ่อ” นายทักษิณตอบว่า “ขายกาแฟ หน้าร้านขายโรตี” และได้ถามหาของจิ๋วที่เป็นร้านน้ำแข็งไสด้วย นอกจากนี้ นายทักษิณได้เดินแวะทักทายร้านค้า และมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปกับนายทักษิณด้วยเช่นกันปชป.ฉะ รบ.เตะถ่วงไม่จริงใจแก้ รธน.นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า หลักการของพรรค ปชป.ชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญต้องแก้ไขเพิ่มเติมให้มีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากกว่าฉบับปัจจุบัน ขณะนี้มีการถกเถียงเรื่องการทำประชามติว่าต้องดำเนินการกี่ครั้ง รัฐบาลต้องตัดสินใจเพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ได้ประกาศต่อประชาชนว่าจะทำอย่างเร่งด่วน ต้องยอมรับว่ารัฐบาลพยายามถ่วงเวลามานานแล้วประชามติก่อนเข้าสภาฯไม่สอดคล้องนายราเมศกล่าวว่า หากพิจารณารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันระบุไว้ชัดคือ ให้มีการทำประชามติหลังจากพิจารณาครบสามวาระแล้ว ให้ไปทำประชามติก่อน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๕๖ (๘) มีบทบัญญัติเป็นกรณีเฉพาะที่ไม่ปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับใดที่ได้บัญญัติไว้ว่า หากมีการแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด ๑๕ อันว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และผลการออกเสียงประชามติ เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่เสนอได้ คือการจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร.) เมื่อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร.ร่างเสร็จแล้วต้องไปถามประชาชนโดยการออกเสียงประชามติอีกครั้ง ถือว่าสมบูรณ์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด หากเพิ่มการถามประชามติก่อนดำเนินการในสภาฯ จะไม่สอดคล้องกับหลักการของรัฐธรรมนูญฟาดอุปสรรคอยู่ที่ฝ่ายปฏิบัตินายราเมศกล่าวต่อว่า ขณะนี้บางฝ่ายพยายามดึงศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นคู่กรณีด้วยในทางการเมืองว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่หากไปศึกษาคำวินิจฉัยโดยละเอียด จะเห็นว่าคำวินิจฉัยไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่อุปสรรคอยู่ที่ฝ่ายปฏิบัติที่ไม่กล้าในการตัดสินใจเอง ทั้งนี้ในส่วนของพรรค ปชป.ยืนยันหลักการเดิมคือ รัฐธรรมนูญต้องมีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ การแก้ไขเพิ่มเติมมีความจำเป็นต้องทำ และการแก้ไขจะต้องไม่ไปกระทบกับหมวด ๑ และหมวด ๒ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลรีบตัดสินใจอย่ายื้อเวลา แต่ถ้าคิดว่าระบบประชาธิปไตยคือ เครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจ รัฐบาลก็ยื้อเวลาต่อไปจี้ กกต.ปิดทาง สว.ลากตั้งอยู่ยาวนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และประธานคณะ กมธ.พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯกล่าวถึงกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร ทนายความอิสระ ยื่นร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ชงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา ๔๐ ๔๑ ๔๒ ขัดหรือแย้ง รัฐธรรมนูญมาตรา ๑๐๗ หรือไม่ว่า เรื่องนี้ขอพูดในนามประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองว่าเรื่องการเฟ้น สว.ใหม่ กกต.ต้องบรรลุ ๒ เป้าหมายคือ ๑.เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด มีผู้สมัครเข้าแข่งขันมาก มีโอกาสแนะนำตัวกว้างขวาง ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมมากสุดเท่าที่ทำได้ ๒.ทำให้การคัดเลือก ราบรื่น รวดเร็ว ตามกรอบเวลา ยิ่งยืดเยื้อ สว.ชุดปัจจุบันที่แต่งตั้งจาก คสช. จะรักษาการต่อไปได้โดยไม่มีกำหนดระเบียบข้อ ๑๕๔ เปิดรูยื้อไม่ประกาศผลนายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า เป้าหมายที่ ๒ เรามีข้อกังวลหลายส่วน เช่น กรณีการร้องเรียนของ นายธีรยุทธ เป็นความเสี่ยงรูปแบบหนึ่ง แต่ถึงแม้ไม่มีการยื่นร้องเรียน ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือศาลรัฐธรรมนูญ สิ่งที่เรากังวลคือ ข้อ ๑๕๔ ของระเบียบการคัดเลือก สว.๒๕๖๗ ประกาศเมื่อ ก.พ. เขียนว่า เมื่อมีการคัดเลือก สว.๒๐๐ คนแล้ว ถ้า กกต.เห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยถูกต้อง สุจริต เที่ยงธรรม ให้ประกาศผลการเลือก แต่ไม่ได้เขียนกรอบเวลาไว้ชัดเจนว่าต้องประกาศผลภายในเมื่อไหร่ หมายความว่าถ้ามีข้อร้องเรียนเข้ามาเยอะ แล้ว กกต.ยังไม่พร้อมจะยืนยันว่า การเลือกสุจริต เที่ยงธรรม มันเปิดช่องให้ กกต.ยื้อการประกาศผลไปได้ โดยไม่มีกรอบเวลากำหนด ซึ่งจะทำให้ สว.ชุดปัจจุบันรักษาการต่อไปโดยไม่มีกรอบเวลาชวนประชาชนจับตาอย่ามียื้อนายพริษฐ์กล่าวว่า แม้ สว.ชุดรักษาการ ไม่มีอำนาจเลือกนายกฯ ตามบทเฉพาะกาล แต่มีอำนาจเทียบเท่า สว.ชุดใหม่ อาทิ การโหวตเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การรับรองคนที่ไปเป็นองค์กรอิสระ นอกจากนี้ กระบวนการคัด สว.ชุดใหม่ มีความซับซ้อนอยู่แล้ว กกต.ยิ่งต้องทำงานหนัก สื่อสารเชิงรุก เพื่อให้ความชัดเจนต่อประชาชน ทำให้ระเบียบ และประกาศทุกอย่าง ไม่มีความคลุมเครือ อยากชวนประชาชนช่วยกันจับตา ไม่ให้กระบวนการนี้มันถูกยืดเยื้อออกไป ยิ่งยื้อไม่ว่าจะด้วยเหตุใด จะทำให้ สว.๒๕๐ คน ชุดปัจจุบัน รักษาการต่อไปได้เรื่อยๆ ตนเชื่อว่าไม่เป็นทิศทางที่ดีต่อการยกระดับกฎหมายภายในประเทศ รวมทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ“ธนกร” ขออย่านิรโทษกรรมยกเข่งนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธาน สรุปให้ชัดเจนเกี่ยวกับคำนิยามเรื่อง “แรงจูงใจทางการเมือง” และความผิด ๒๕ ฐานที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมืองใดว่าเข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรมบ้างโดยตนขอให้ พิจารณาไม่รวมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๐ และมาตรา ๑๑๒ ขอให้ กมธ. อนุ กมธ.พิจารณาให้รอบคอบ เพราะความผิดทั้ง ๒ มาตรา เป็นความผิดร้ายแรง ไม่สามารถยอมรับได้ แม้บางพรรคการเมืองได้เสนอร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่รวมความผิดเกี่ยวกับมาตราดังกล่าวให้ได้รับการนิรโทษกรรมต่อสภามาแล้วก็ตาม แต่ตนขอย้ำในหลักการกฎหมาย ว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งและขอคัดค้านจนถึงที่สุด ต้องไม่เหมารวมผู้กระทำความผิดร้ายแรงตามมาตรา ๑๑๐ และ ๑๑๒ ให้ได้รับการนิรโทษกรรม แต่หากกลับกันมีการเหมารวมยกเข่ง เชื่อจะทำให้คนทั้งประเทศที่รักเทิดทูนและปกป้องสถาบันนั้นออกมาคัดค้านอย่างแน่นอนรวมทั้งตนอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่