เจตนาตั้งชื่อทรงเจดีย์หลังกระดานก็เพื่อจะเรียกความสนใจ เพราะดูเหมือนจะมีความเชื่อตามๆกันมาว่า หลังแบบกระดานนั้น…จำเพาะเจาะจงให้เป็นหลังของพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่…หากทรงเจดีย์ หรืออาจมีในพิมพ์อื่นๆ ไม่ว่าฐานแซม เกศบัวตูม ปรกโพธิ์ ถือว่าผิดพิมพ์แต่ความจริงที่ประจักษ์ หลังกระดาน ที่คนรักพระรุ่นหลังๆเรียก คลับคล้าย กลมกลืนมากับหลังกาบหมาก หนึ่งใน ๘ หลังสมเด็จวัดระฆัง ตามหลักครู “ตรียัมปวาย” เป็นหลังที่พบน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับหลังอื่นๆเปิดดูในหนังสือเล่มของวงการ…ไล่เรียงไป เจอเพียงองค์สององค์เท่านั้นเองคนเป็นพระ รู้เหมือนๆกัน กระบวนการพิมพ์พระสมเด็จนั้น…ทำกันแบบตามใจฉัน… แม่พิมพ์เดียวกัน เปลี่ยนมือกด ก็ออกมาแปลกแตกต่าง ทรงเจดีย์โย้ซ้ายจนเห็นเจนตา พิมพ์อื่น ก็แล้วแต่มือและความเคยมือพาไปส่วนด้านหลัง กระบวนการกด ปาด คลึง ด้วยมือ ก็เหลือลายมือให้เห็นบ้าง หรือปรากฏ ลวดลายแผ่นไม้ แผ่นกาบหมาก ที่ทาบทับ หรือ…หลังจากนั้น เนื้อพระที่ผสมเหลว ยุบ ก็เห็นเป็นยุบ เป็นรอยย่นตะไคร่น้ำ รอยย่นแบบสังขยา ฯลฯหลังที่เกิดตามธรรมชาติของเนื้อพระสมเด็จ นี่เอง เป็นหมุดหมายสำคัญในการตัดสินเก๊แท้… เหตุเพราะไม่มีหลักเกณฑ์ กฎ กติกา ชี้ว่า ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้จึงขอบอก น้องๆคนรักพระสมเด็จรุ่นหลังๆ พระสมเด็จวัดระฆัง ไม่ว่าพิมพ์ไหน…หลังจะเป็นแบบไหน…ก็ได้ข้อพิจารณาน่าจะมีอย่างเดียวคือต้องส่องดูให้ชัด เป็นหลังเกิดจากมือคนปลอมพระตั้งใจทำ หรือไม่?เมื่อเริ่มต้นคุยถึงสมเด็จวัดระฆังทรงเจดีย์ องค์ในคอลัมน์นี้ว่า เป็นหลังกระดาน…ผิดขนบความเชื่อเดิมๆ ที่เลื่อนลอยแล้ว ก็ต้องคุยกันให้กระจ่าง หลังองค์นี้เป็นหลังกระดานแท้ หรือว่าหลังกระดานทำทั้งรอยบั้งแบบกระดาน สลับด้วยรอยปริแยกน้อยใหญ่ ในเนื้อพระที่เนียนนุ่ม สีงาช้าง ส่องแว่นเห็นเม็ดมวลสารประปราย ให้ความซึ้งตา เนื้อนี้ตรียัมปวายเรียกเนื้อเกสรดอกไม้ ไม่ต้องใช้มโนมาก ก็ตัดสินได้หลังพระแท้หลังแบบนี้แหล่ะ ที่เซียนรุ่นพี่คุยเต็มปาก ดูหลังก็จ่ายตังค์ได้ โดยไม่ต้องดูหน้าก็แค่คำคุย…จริงๆ ไม่ว่าใคร ก็อยากลุ้นกันหัวใจสั่นทุกคน เจอพระหลังงาม ดูง่ายเต็มๆตา ด้านหน้าพระเป็นพิมพ์ไหน แม่พิมพ์จะสวยคมสมบูรณ์อย่างไร?คุยเล่นๆแต่ก็เห็นกันแล้ว องค์นี้เป็นพิมพ์ทรงเจดีย์ เส้นสายลายพิมพ์ ใช้ทฤษฎี “นิรนาม” สำนักท่าพระจันทร์ เผยแพร่ ในนิตยสารพรีเชียส ของอาจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ เทียบเคียงถี่ถ้วนแล้ว ทาบกันได้กับทรงเจดีย์พิมพ์ที่ ๒ถ้านึกภาพองค์ไหนไม่ได้ ก็นึกถึงองค์ เจ๊แจ๋ว…ก็แล้วกันเพียงแต่องค์เจ๊แจ๋ว ติดพิมพ์คมชัด เห็นเส้นแยกส่วนอกเอวเข่า แต่องค์นี้เห็นแค่เส้นขอบจีวร ที่เป็นเส้นคมแยกจากราวนมขวา วกขึ้นชนรักแร้ สำหรับผมเส้นนี้หากจะว่าไปสำคัญมาก …เพราะหาองค์ที่ติดเส้นนี้ยากมากพูดมั่วๆก็ว่า เจอในพระแท้ ร้อยละหนึ่งเจอทรงเจดีย์ เนื้อดี พิมพ์ใช่ ธรรมชาติ ก็ไปได้ มีเส้นนี้โผล่ให้เห็น ถือเป็นเส้นให้ตัดสินใจจ่ายตังค์ได้ไหนๆก็คุยกันถึงเส้นเล็ก เส้นน้อยกันแล้ว ก็ขอขยายความลับเรื่องเส้นต่อ…ดูที่พระเกศ ที่เห็นเผินๆท่านเรียวยาว เพ่งสายตาอีกนิดจะเห็นท่านเอนไปซ้าย แล้ววกไปขวาตรงจุดหักเหนั้น ในองค์ที่ติดชัด ผู้รู้ท่านเขียนบอกว่า จะเห็นเป็นกำไลครอบ…ติดขัดน้อยก็จะเห็นเป็นรอยป่อง แต่เท่าที่เห็นส่วนใหญ่ พระเกศท่านหักเหแนวทางเดียวกันทุกองค์ ไม่เชื่อก็ไปเปิดหนังสือเอาองค์เจ๊แจ๋วเทียบดูเอ้า!ไหน ก็แถมแล้ว ขอแถมให้อีกเส้น ปลายสุดของฐานชั้นที่สามด้านขวา มีเส้นเล็กวิ่งเฉียงไปชนมุมเส้นซุ้มรู้แล้วก็อย่าเผลอตีปีกหัวเราะ…เส้นเล็กๆ เหล่านี้ในพระแท้มีพบบ้างเป็นส่วนน้อย ถ้า ไม่เจอก็อย่าเสียใจ พระแท้ไม่มีเส้น…มีมากกว่า วันนี้ขอขยายให้วิชากันแค่นี้ก็น่าจะพอ.พลายชุมพลคลิกอ่านคอลัมน์ “ปาฏิหาริย์จากหิ้งพระ” เพิ่มเติม
Related posts