“สส.ธนเดช เพ็งสุข” ให้กำลังใจ “สุทิน คลังแสง” นั่งเป็น รัฐมนตรีกห. ต่อ เพราะทำงานได้ดี ยัน พรรคก้าวไกล พร้อมหนุน พระราชบัญญัติการจัดระเบียบราชการกลาโหม ย้อนถามทหารอยู่ใต้รัฐบาล ทำไมแตะต้องไม่ได้วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๗ ที่อาคารรัฐสภา เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการทหาร คนที่สอง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว โดย นายธนเดช กล่าวถึงส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) กระทรวงกลาโหมว่า ยังให้กำลังใจ นายสุทิน อยู่ เนื่องจากท่านยังสามารถทำงานได้ดี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เท่าที่มีกระแสข่าวออกมาว่า น่าจะเป็นเลขาฯ ที่จะขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี หากไล่เรียงสายดูดีๆ จะรู้ว่านายพลท่านนี้ เติบโตมาทางฝั่งไหน มาจากทิศทางใด หากวันหนึ่งขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี ก็ต้องตั้งข้อสังเกตว่ามีการแลกเปลี่ยนอะไรกันหรือไม่ ทั้งนี้ ตนเคารพการตัดสินใจของรัฐบาล เลือกคนที่ทำงานได้ ย้ำว่า นายสุทิน ยังเป็นรัฐมนตรีที่กองทัพยังอยากให้ทำงานร่วมต่อส่วนเรื่อง พระราชบัญญัติการจัดระเบียบราชการกลาโหม ตนขอแจ้งว่า ทางพรรคก้าวไกลพร้อมมานานแล้ว และได้ยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่ครั้งเลือกตั้งจบลง ขอให้มั่นใจว่าตามกฎหมายฉบับดังกล่าว พรรคก้าวไกลพร้อมสนับสนุน ส่วนร่างประกบที่พรรครัฐบาลกำลังทำขึ้นมานั้น คงต้องขอดูสักหน่อยว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร มีความจริงใจต่อการแก้ไขหรือไม่ และนี่คือก้าวแรกของการแก้ไขการปฏิรูปกองทัพ หากรัฐบาลไม่กล้าใช้คำดังกล่าว แต่เป็นการพัฒนาร่วมกัน ตนก็ยังยินดีอยู่ แล้วหวังว่าจะได้เห็นเนื้อความที่ชัดแจ้งและแก้ไขปัญหาได้ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ซึ่งมีกระแสจากอดีตนายทหารหลายคน ระบุว่า ภาคการเมืองจะมายุ่งเกี่ยวกับการโยกย้ายข้าราชการได้อย่างไร แต่ต้องถามกลับไปว่า สุดท้ายกองทัพก็เป็นหน่วยงานราชการหน่วยงานหนึ่ง ที่อยู่ภายใต้รัฐบาลใช่หรือไม่ แล้วทำไมฝ่ายบริหารจึงไม่สามารถเข้าไปบริหารได้ และกองทัพมีอะไรที่แตะต้องไม่ได้เลยหรืออย่างไร และการสืบทอดอำนาจ ส่งต่ออำนาจ จะไม่สิ้นสุดแน่นอน นอกจากนี้ตนขอฝากไปยัง นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่านี่คือจุดแรกที่จะคืนอำนาจให้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ไม่เช่นนั้นรัฐมนตรีก็จะไม่ต่างจากตรายางส่วนการจัดโครงการสัมมนาพลทหารปลอดภัยในวันนี้นั้น เป็นไปตามความต้องการของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ.ทหาร ซึ่งวันนี้ได้เชิญนายทหาร ตั้งแต่ผู้บังคับหมวด ผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับกองพัน รวมทั้งครูฝึก ที่มีหน่วยทหารในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เข้ามาสัมมนาพูดคุย พูดถึงแนวทางของ กมธ. แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงข้อเสนอแนะในข้อกฎหมายต่างๆ อาทิ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อุ้มหาย ที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน ส่วนประเด็นที่เพิ่มเข้ามาในการสัมมนาครั้งนี้คือเรื่องจิตวิทยา ซึ่งมีการขอความร่วมมือจากกรมแพทย์ทหารอากาศ มาให้คำแนะนำในประเด็นดังกล่าว ซึ่งเราต้องการที่จะให้ผู้ฝึกมีการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน และมองในอีกมุมหนึ่งว่าประชาชนมองเข้าไปอย่างไร อยากให้พลทหารผลัดใหม่ที่เข้าไปในช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗ นี้ มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น การจัดสัมมนาครั้งนี้เป็นครั้งแรกหลังจากการจับใบดำใบแดงไปในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดีก่อนเริ่มพลทหารผลัดใหม่เข้าไป จึงเป็นที่มาของงานในวันนี้ ทั้งนี้ ทาง กมธ.คาดหวังว่าอย่างน้อย กมธ.เป็นอีกหนึ่งช่องทางความอุ่นใจให้กับผู้ปกครองและกำลังพล หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฝึกทหารในครั้งนี้
