ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาชุดแรก ๑,๐๐๐ คน สมัครใจขอเดินทางกลับมาตุภูมิประเทศเมียนมาเนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินภายในบ้าน หลังตลอดทั้งวันนี้ ไม่มีการสู้รบในเขตเมียวดี ส่วนแนวชายแดน ฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอดยังคงตรึงกำลังเข้ม เมื่อเวลา ๑๘.๐๐ น.วันที่ ๒๑ เม.ย. ๖๗ สถานการณ์ความตึงเครียดที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา จากการสู้รบระหว่างทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูสนธิกำลังกับฝ่ายพันธมิตรยิงปะทะกับทหารกองทัพเมียนมา ที่บริเวณด่านพรมแดนถาวรเมียวดีแห่งที่ ๒ จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมาจนเกิดความสูญเสียของทหารทั้งสองฝ่ายเป็นจำนวนมากและทำผลทำให้ชาวเมียนมาในจังหวัดเมียวดีจำนวนเกือบสามพันคน ต้องอพยพหนีตายเพื่อเอาชีวิตรอดจากกระสุนปืนและระเบิดที่ทิ้งจากเครื่องบินรบกองทัพเมียนมาถล่มรอบพื้นที่เมืองเมียวดีอย่างดุเดือดทั้งวัน ชาวบ้านต้องหนีข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาขอพักพิงอยู่ภายในศูนย์พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวแม่สอด ๒ แห่ง โดยมียอดรวมชาวเมียนมาทั้งหมดจำนวน ๒,๘๐๙ คน มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอดเข้าไปดูแลชาวเมียนมาทุกคนตามหลักสิทธิมนุษยชนและทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีภาคอาสาสมัครในพื้นที่อำเภอแม่สอดจำนวนมากร่วมกันบริจาคสิ่งของและประกอบอาหารเลี้ยงชาวเมียนมาทั้งหมด ได้รับประทานอาหารและน้ำดื่มสะอาดครบ ๓ มื้อล่าสุด ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา สถานการณ์ที่ด่านพรมแดนถาวรเมียวดีแห่งที่ ๒ จังหวัดเมียวดี ไม่มีการยิงปะทะจากทหารทั้งสองฝ่าย บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงทำให้ชาวเมียนมาชุดแรกจำนวนกว่า ๑,๐๐๐ คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายวัยกลางคน สมัครใจแจ้งความประสงค์กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอดขอเดินทางข้ามกลับมาตุภูมิบ้านเกิดใน จ.เมียวดี เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินภายในบ้านจะสูญหาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจนับคัดกรองผู้สมัครใจชุดแรกนำขึ้นบรรทุกลำเลียงพาไปส่งที่ท่าข้ามธรรมชาติสองแห่งซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยก่อนผู้หนีภัยความไม่สงบ โดยชาวเมียนมาทั้ง ๑,๐๐๐ คน ชุดแรกนี้ขึ้นเรือข้ามฝั่งจากชายแดนอำเภอแม่สอดข้ามกลับไปฝั่งชายแดนจังหวัดเมียวดี ด้วยความสวัสดิภาพทุกคน ส่วนผู้หนีภัยความไม่สงบส่วนที่เหลืออีกกว่า ๒,๐๐๐ คนที่เหลือ คาดว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นวันพรุ่งนี้จะมีผู้สมัครใจจะทยอยขอข้ามชายแดนกลับประเทศเมียนมาเพิ่มขึ้น ขณะที่พื้นที่แนวชายแดนไทย-เมียนมาบริเวณตรงข้ามจุดปะทะและจุดล่อแหลมริมแม่น้ำเมยขณะนี้ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน ๓๕ ตำรวจและฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ยังคงต้องทำการตรึงกำลังพร้อมอาวุธครบมือเพื่อรักษาอธิปไตยไทยตลอด ๒๔ ชั่วโมง
