สารวัตรแจ๊ะ พาทนายความยื่นฟ้อง “ทนายรัชพล ศิริสาคร” ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หลังโพสต์จับแพะ ทำจำเลยติดคุกฟรีปีกว่า เผยศาลยกฟ้องด้วยเหตุสงสัย ไม่ได้หมายความว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด วันที่ ๒๒ เม.ย. ๖๗ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.สส.๓ บก.สส.บช.น. หรือสารวัตรแจ๊ะ พร้อมนายอาชิรญาณ์ ธนาพีระพงศ์ ทนายความยื่นฟ้อง ทนายรัชพล ศิริสาคร ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ต่อศาลอาญารัชดา จากกรณีเมื่อวานนี้ (๒๑ เม.ย. ๖๗) ทนายรัชพล ศิริสาคร โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า สารวัตรแจ๊ะจับแพะ ติดคุกฟรีปีกว่า พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ หรือสารวัตรแจ๊ะ กล่าวว่า คดีที่ทนายรัชพลโพสต์ข้อความใส่ร้ายตนนั้น การจับกุมจำเลยคดีดังกล่าว ตนได้ทำไปตามหลักของการสืบสวน ไม่ได้มีการใส่ร้ายหรือกลั่นแกล้งจับกุม ตนมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมให้ศาลพิจารณา แม้คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นจะยกฟ้อง ก็ยกฟ้องด้วยเหตุสงสัยต่อมาศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างหลักฐานของโจทก์ได้ จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๙ วรรคสอง จำคุก ๒ ปี และเนื่องจากจำเลยมีประวัติความผิดเกี่ยวกับคดีอาญา เป็นเหตุให้เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ เป็นจำคุก ๒ ปี ๘ เดือน แม้ต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ก็ยังยกฟ้องด้วยเหตุสงสัย ไม่ได้ยกฟ้องเพราะเห็นว่ามิได้กระทำความผิด โดยศาลวินิจฉัยพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย “การมาฟ้องในวันนี้ถือเป็นการปกป้องชื่อเสียงของผม ทุกวันนี้ ผมทำงานมีหน้าที่ต้องปกป้องประชาชน ถ้าวันนี้ผมปกป้องตัวเองไม่ได้ ผมจะไปปกป้องคนอื่นได้ยังไง กล่าวหาว่าผมพาผู้ต้องหาไปอยู่เซฟเฮาส์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมทนายไม่แนะนำให้ลูกความดำเนินคดีกับผม ฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวไปเลย ทนายต้องรู้กฎหมาย เป็นการจับกุมตามหมายจับของศาล กระบวนการต่อไปมี พนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ไม่เคยรู้จัก ไม่มีเหตุกลั่นแกล้งกัน โพสต์ข้อความใส่ร้ายผมตอนนี้ต้องการอะไร” สารวัตรแจ๊ะกล่าวด้านทนายอาชิรญาณ์ กล่าวเสริมว่า การยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.๒๒๗ วรรคสอง ต่างจากการยกฟ้อง เพราะเห็นว่ามิได้กระทำความผิด หรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕ ทั้งนี้ ตามหลักกฎหมายการพิสูจน์คดีอาญา ถ้าพยานหลักฐานที่ปรากฏต่อศาลยังมีข้อสงสัยอยู่ ว่าจำเลยกระทำความผิดจริงหรือไม่ ศาลก็จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย หลักนี้มีในกฎหมายไทยและเป็นหลักสากลอยู่แล้ว และคดีที่สารวัตรแจ๊ะถูกกล่าวหา ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย นั่นหมายความว่ามีพยานหลักฐานหนักแน่นยืนยันได้ว่าจำเลยกระทำความผิด เพียงแต่ศาลฎีกายกฟ้องเพราะเหตุแห่งความสงสัยบางประการ ไม่ได้หมายความว่าจำเลยจะไม่ได้กระทำความผิด และศาลก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด การที่นักกฎหมายหรือทนายความออกมาพูดกล่าวหาสารวัตรแจ๊ะแบบนี้ เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ถ้ามีประชาชนหรือผู้ติดตามเพจสื่อโซเชียลมีเดียเกิดหลงผิดเชื่อขึ้นมา หรือไม่เข้าใจข้อกฎหมาย การพูดแบบนี้ถือว่าเป็นการทำลายหลักกฎหมาย และทำลายตำรวจที่กำลังทำงานเพื่อประชาชนอยู่ “ควรขอบคุณศาลฎีกาที่กรุณาเมตตาปรานีให้แล้วเห็นต่างจากศาลอุทธรณ์ จึงรอดคุก ๒ ปี ๘ เดือน ศาลยกฟ้องด้วยเหตุสงสัย ไม่ได้หมายความว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด ทนายอ่านคำพิพากษาฎีกาเป็นไหม ศาลฎีกายังสงสัยอยู่เลย และจะสงสัยติดสำนวนอยู่อย่างนี้ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ ถ้าตำรวจจับโจรแล้วศาลยกฟ้อง แล้วตำรวจต้องถูกกล่าวหาว่าจับแพะ ตำรวจคงไม่กล้าจับคนร้าย”
สารวัตรแจ๊ะ ยื่นฟ้อง "ทนายรัชพล" กล่าวหาจับแพะ จำเลยติดคุกฟรีปีกว่า
Related posts