Thursday, 19 December 2024

พรรคร่วมไฟเขียว ประชามติ ๓ รอบ-แก้ไขรัฐธรรมนูญ ช่วยดันดิจิทัล ชง คณะรัฐมนตรีวันนี้

“เศรษฐา” เรียกหัวหน้า-แกนนำพรรคร่วมถกอีกรอบ เดินหน้านโยบายสำคัญ ดิจิทัลวอลเล็ต-แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่คุยเรื่องปรับ ครม. “ภูมิธรรม” ไม่รับมุก “ทวี” ขอเก้าอี้เพิ่ม “เสี่ยหนู” ย้ำ ๘ รัฐมนตรีภท.ไม่มีขยับ “วันนอร์” ลั่นไม่ยอมให้ใครมาบีบเอาเก้าอี้ประธานสภาฯ ยกศักดิ์ศรีประมุขฝ่ายนิติบัญญัติค้ำคอ เหน็บต้องมาจาก สส. ไม่ใช่คนนอกก็มาเป็นนายกฯได้ เปิดโผล่าสุด “เศรษฐา” อาจเหลือแค่เก้าอี้นายกฯ “พิชัย” ควบรองนายกฯ-รัฐมนตรีว่าการคลัง “จิราพร” ขึ้นแป้น รัฐมนตรีสำนักนายกฯ แต่เจ้าตัวยังไม่ได้รับสัญญาณ “อรรถกร-สุชาติ” มาโควตา ๒ พรรคลุง พรรคร่วมฯไฟเขียวประชามติแก้ รธน. ๓ รอบ “เสี่ยอ้วน” ยาหอมได้ใช้กติกาใหม่เลือกตั้ง ปชป.หยัน รบ.ห่วงนำ “นายหญิง” กลับบ้านสำคัญกว่า “ธนาธร” ปลุกวาระเลือก สว.ประชาชน ปูดค่าหัวฮั้วระดับจังหวัดพุ่งหลักแสน “จักรภพ” ขอความเป็นธรรมคดีอั้งยี่ แบะท่าร่วมงานการเมืองอีกรอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง กระชับวงล้อมพรรคร่วมรัฐบาลอีกรอบ เรียกหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคร่วม หารือเพื่อเดินหน้านโยบายสำคัญของรัฐบาล ทั้งโครงการแจกเงิน ๑ หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางการจับตาเรื่องการปรับ ครม. รัฐบาลไทยหนุนนวัตกรรมดิจิทัลเมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. วันที่ ๒๒ เม.ย. ที่ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดการประชุมประจำปี ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ สำหรับเอเชียและแปซิฟิก สมัยที่ ๘๐ ว่า การประชุมประจำปี ESCAP สมัยที่ ๘๐ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในเอเชีย-แปซิฟิก” สอดคล้องกับการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ในปีที่ผ่านมา หากทุกประเทศมีเจตนารมณ์และลงมือปฏิบัติร่วมกันอย่างจริงจังจะทำให้บรรลุเป้าหมาย ไทยพร้อมสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินการร่วมกันของ ESCAP จะส่งผลประโยชน์มหาศาลต่อภูมิภาคนี้ รวมถึงเสนอให้ประเทศสมาชิกแลกเปลี่ยนความรู้ และแนวปฏิบัติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านดิจิทัล และนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่รวดเร็วขึ้นนายกฯเรียกพรรคร่วมฯหารือต่อมาเวลา ๑๐.๕๐ น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เรียกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า หารือประเด็นที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ ๒๓ เม.ย. ทั้งเรื่องการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ โครงการแจกเงิน ๑ หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต รวมถึงประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคเข้าร่วม อาทิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า นายนิกร จำนงค์ ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา นายชื่นชอบ คงอุดม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ปรับ คณะรัฐมนตรีเกิดขึ้นเมื่อไหร่รู้เองนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์หลังการหารือว่า ไม่มีเรื่องปรับ ครม. แต่มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต การแก้ไขรัฐธรรมนูญ วันที่ ๒๓ เม.ย. จะนำเข้า คณะรัฐมนตรีทั้ง ๒ เรื่อง เมื่อถามว่าแสดงว่าการปรับ ครม. ยังไม่มีความชัดเจนภายในสิ้นเดือนนี้ นายกฯตอบว่า “ผมยังไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับเลย พวกคุณพูดกันไปเอง” เมื่อถามว่าจากกระแสข่าวถึงขั้นบอกว่าการปรับ คณะรัฐมนตรีจะจบในวันที่ ๒๔ เม.ย. นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ทราบต้องไปถามคนที่พูดเอง ตอบไปแล้วหลายหน ถ้าเกิดขึ้นก็รู้เอง เมื่อถามว่าแสดงว่าจะปรับเงียบใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า คงเงียบไม่ได้ เพราะต้องผ่านกระบวนการแต่งตั้งที่ถูกต้อง เมื่อถามว่าหมายถึงการตัดสินใจปรับ ครม. จะไม่แจ้งให้เกิดแรงกระเพื่อมเยอะใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า เราพูดคุยกันอยู่แล้วถ้าถึงเวลาคุยกับ “อนุทิน-ผู้กอง” อยู่ตลอดผู้สื่อข่าวถามว่าการปรับ คณะรัฐมนตรีจะเป็นเฉพาะของพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือไม่ ถึงไม่ต้องพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล นายเศรษฐาตอบว่า วันนี้เจอนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พปชร. ก็ได้พูดคุยกันพูดคุยกันมาตลอด เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัสได้ส่งชื่อโควตาที่ว่างของพรรค พปชร.แล้วหรือยัง นายกฯตอบว่า ไม่มี ไม่ทราบ ไม่ได้ส่งมาที่ตน “ภูมิธรรม” หยอดหวาน “นภินทร”นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แค่เชิญหัวหน้าพรรคร่วมมาหารือกัน เป็นวัฒนธรรมปฏิบัติที่ตกลงกันว่าจะทานข้าวร่วมกันเดือนละครั้ง วันนี้พูดคุยกันเรื่องประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันว่าทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เรามาทำความเข้าใจกัน วันนี้ไม่ได้คุยเรื่องปรับ ครม. เป็นเรื่องของนายกฯโดยตรง เราไม่มีสิทธิ์ไปนั่งคิดนั่งพูดเรื่องนี้ หลังจากนี้จะเห็นหัวหน้าพรรค การเมืองต่างๆ พูดคุยกันในประเด็นสำคัญก่อนประชุม ครม. เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ ระบุว่าอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรี ๒ ตำแหน่งหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่เคยมีการพูดคุยกัน พ.ต.อ.ทวีไม่เคยพูดกับตนเรื่องนี้ เราพูดกันแต่เรื่องงาน เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการพาณิชย์ จะโยกมาเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย นายภูมิธรรมตอบว่า ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ ยังรักนายนภินทร ไม่มีปัญหาทำงานร่วมกันดีขออย่าโฟกัสแค่เรื่องปรับ คณะรัฐมนตรีนายภูมิธรรมยังกล่าวถึงการหารือระดับหัวหน้า พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายนว่า ไม่มีหัวหน้าพรรคร่วมคนใดสอบถามเรื่องปรับ ครม. ถ้ามีความชัดเจนจริงอาจต้องประชุมหัวหน้าพรรคทุกพรรค เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะเลื่อนปรับ คณะรัฐมนตรีออกไปอีก ๒ เดือน ประมาณเดือน มิ.ย. รอให้งบประมาณปี ๒๕๖๘ ผ่านสภาก่อน นายภูมิธรรมตอบว่า ยังไม่มีการคุยกันเรื่องนี้เลย อย่าคิดว่าเรามาคุยเรื่องปรับ คณะรัฐมนตรีเท่านั้น ยังมีเรื่องสำคัญๆที่รัฐบาลต้องทำร่วมกัน เมื่อถามว่ามีอีกกระแสข่าวระบุว่าพรรคเพื่อไทยขีดเส้นให้ส่งรายชื่อภายในวันที่ ๒๔ เม.ย. นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นรองนายกฯคนที่ ๑ เป็นผู้อาวุโสในพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ยินเรื่องนี้เลย ได้ยินจากสื่อทั้งนั้น ต้องถามสื่อว่าเอาข้อมูลมาจากไหน คุยกับนายกฯก็ไม่มีอะไร ถ้าจะปรับต้องมีความเห็นร่วมกันของทุกพรรค การประชุมของพรรคร่วมตอนนี้อย่าไปโฟกัสแค่เรื่องปรับ คณะรัฐมนตรีเท่านั้น ยังไม่มี“จิราพร” ยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆน.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวมีชื่อนั่งรัฐมนตรีว่า อ่านตามข่าวเหมือนกัน เมื่อถามว่าหากเป็นจริงตามกระแสข่าวพร้อมรับตำแหน่งหรือไม่ น.ส.จิราพร ตอบว่า ไม่ว่าจะเป็นบทบาทใด จะบทบาทในสภาฯ หรือบทบาทอื่นก็พร้อมทำงานอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าควรเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานใน คณะรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.จิราพรตอบว่า ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนมีประสบการณ์ ทุกคนในพรรคเพื่อไทยล้วนเป็นบุคลากรที่มีคุณค่า มีประสบการณ์ และมีความสามารถหลายท่าน เชื่อว่าทุกคนมีโอกาสได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีได้ เมื่อถามว่ากระทรวงเกษตรฯถือเป็นกระทรวงเผือกร้อน มั่นใจว่าจะทำงานได้หรือไม่ น.ส.จิราพรตอบว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณอะไรเลยว่าจะได้เป็นหรือไม่ คิดว่าจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคงมีข่าวแบบนี้เรื่อยๆ ๘ รัฐมนตรีภูมิใจไทยไม่มีขยับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการปรับ คณะรัฐมนตรีว่า ส่วนของกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยทั้ง ๓ คน ทำงานเต็มที่ ระยะหลังนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย ช่วยดูแลเรื่องไฟป่า และฝุ่น pm๒.๕ ที่เชียงใหม่ รวมถึงมอบกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) ให้นายเกรียงดูแลอีกหน่วยงานหนึ่ง ก็ทำงานเต็มที่ ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยน และนายกฯยังไม่เคยหารือกับตนเรื่องปรับ ครม. การเมืองคงไม่มีใครอยากให้เกิดแรงกระเพื่อมหากไม่จำเป็น หากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแล้วมันดีขึ้นทันตาเห็นหรือไม่ ก็ไม่มีใครตอบได้ ดังนั้น นี่คือส่วนประกอบของรัฐบาลชุดนี้มาตั้งแต่แรก ถ้ายังไม่มีความเสียหายอย่างเป็นรูปธรรมเกิดขึ้น หน้าที่ประเมินรัฐมนตรีทั้ง ๘ คนของพรรคต้องเป็นตนไม่มีให้คนอื่นมาประเมิน เพราะต้องรับผิดชอบในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ขอยืนยันว่ารัฐมนตรีทั้ง ๘ คน ของ ภท.ทำงานเต็มที่พร้อมหนุนแจกดิจิทัลวอลเล็ตนายอนุทินกล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า หากทุกอย่างทำถูกต้องตามกฎหมายก็สามารถทำได้ ดิจิทัลวอลเล็ตถือเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ พรรคร่วมรัฐบาลต้องช่วยกันสนุบสนุน เพราะแต่ละพรรคก็มีนโยบาย การสนับสนุนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล การขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จจะรวดเร็วรทสช.ยังไม่คุยเรื่องปรับ คณะรัฐมนตรีนายชื่นชอบ คงอุดม รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรค รทสช. ให้มาร่วมประชุม การหารือวันนี้เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพียงเรื่องเดียว ไม่มีพูดคุยเรื่องการปรับ ครม. ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า จะได้เห็นบทบาทของพรรคร่วมรัฐบาลช่วยประชาสัมพันธ์โครงการนี้ใช่หรือไม่ นายชื่นชอบตอบว่า แน่นอน ตรงนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะมีข้อมูลให้กับพรรคร่วมรัฐบาลไปนำเสนอให้ประชาชนรับทราบ เมื่อถามว่ามีการหารือถึงการปรับ คณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายชื่นชอบตอบว่า ไม่มี เมื่อถามย้ำว่ามีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลสอบถามเรื่องนี้หรือไม่ นายชื่นชอบตอบว่า ไม่มี ทุกคนมาพูดคุยกันเรื่องดิจทัลวอลเล็ต และในพรรค รทสช.ก็ไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้เลย ทุกคนมีหน้าที่ทำงานและต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ยืนยันทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม “วันนอร์” ลั่นไม่ยอมให้ใครมาบีบที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ ร่วมต้อนรับสมาชิกพรรคประชาชาติ จาก กทม. ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และนนทบุรี จำนวน ๔๐๐ คน เข้าเยี่ยมชมรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวให้โอวาทว่า ตำแหน่งประธานสภาฯเป็นเสาหลักประชาธิปไตย เป็นความภาคภูมิใจของพรรคประชาชาติ เป็นศักดิ์ศรีไม่ใช่มานั่งได้ง่ายๆ ต้องเป็น สส. ไม่ใช่คนนอกเหมือนนายกฯที่เป็น สส. หรือคนนอกก็ได้ เป็น ๑ ใน ๓ ของอำนาจประชาธิปไตย และตนเป็นมุสลิมคนแรกที่เป็นประธานรัฐสภา เป็นมา ๒ สมัยแล้ว ไม่แน่ใจอีก ๑๐ ปี หรือ ๑๐๐ ปีข้างหน้าจะมีมุสลิมมานั่งตรงนี้หรือไม่ ทั้งนี้ มีสมาชิกพรรคถามถึงกระแสปรับ ครม. รวมถึงการเปลี่ยนตัวประธานรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ถามกลับว่า ประชาชนยังอยากให้เป็นอยู่หรือไม่ ตำแหน่งประธานสภาไม่ได้เป็นของรัฐบาล ถ้านายกฯจะปรับ คณะรัฐมนตรีก็ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่ประธานสภาฯมาจากสมาชิกสภาฯ ตนมาจากการถูกเสนอชื่อในที่ประชุมเพียงคนเดียว ใครก็เปลี่ยนไม่ได้ ยกเว้นว่าทำหน้าที่ไม่ได้ก็ลาออก จึงจะเปลี่ยนได้ ไม่ต้องกังวลไม่มีการเปลี่ยนแน่นอน ไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง แต่หากยอมให้ฝ่ายใดมาก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติได้ ประชาธิปไตยจะไม่สง่างาม ต้องรักษาไว้ให้ประชาธิปไตยสง่างาม“เศรษฐา” อาจเหลือแค่เก้าอี้นายกฯผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการจัดโผ ครม. ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ต้องการให้จบเร็วภายในสิ้นเดือน เม.ย. แต่ล่าสุดยังไม่นิ่งยังคงมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง จากเดิมนายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกฯ ที่มีชื่อจะเข้ามาเป็น รัฐมนตรีว่าการคลังตำแหน่งเดียว แต่ล่าสุดจะควบตำแหน่งรองนายกฯอีกตำแหน่ง ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ชื่อยังนิ่งโยกไปเป็น รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข เช่นเดียวกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม ที่จะควบรองนายกฯอีกตำแหน่ง ส่วนนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ อาจถูกปรับเหลือแค่ตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศตำแหน่งเดียว สำหรับนายเศรษฐาที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะโยกจาก รัฐมนตรีว่าการคลัง ไปนั่งควบ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม แทนนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ล่าสุดมีเสียงท้วงติงและข้อห่วงใยเพราะตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งที่ละเอียดอ่อน มีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ทำให้ยังไม่ตกผลึก ซึ่งทั้งนายกฯและคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กำลังหารือเพื่อหาทางออกให้ทุกอย่างออกมาสมดุลที่สุด ทำให้ที่สุดแล้วนายเศรษฐาอาจนั่งแค่ตำแหน่งนายกฯเพียงตำแหน่งเดียว และนายสุทินยังเป็น รัฐมนตรีว่าการกลาโหม เหมือนเดิม“จิราพร” มีชื่อนั่ง รัฐมนตรีสำนักนายกฯสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะหลุดจากตำแหน่งในส่วนของเพื่อไทย ล่าสุดเหลือ ๓ คน คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ส่วนที่จะเข้ามาใหม่ นอกจากนายพิชัยแล้วยังมีนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการคลัง ที่จะมานั่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง และมีชื่อใหม่เข้ามาล่าสุดคือ น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีบทบาทโดดเด่นในสภา มีความใกล้ชิดนายเศรษฐา ติดตามลงพื้นที่หลายครั้ง อาจถูกผลักดันให้มาเป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ขณะที่นายสุทิน และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย ที่มีข่าวจะถูกปรับออก ล่าสุดมีแนวโน้มได้อยู่ตำแหน่งเดิม“อรรถกร-สุชาติ” โควตา ๒ พรรคลุงในส่วนพรรคร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย และประชาชาติ ยังคงนิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีการขยับเพียงพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ บางตำแหน่งคือ พรรค พปชร.ยังมีโควตาว่างอยู่ ๑ ตำแหน่ง เดิมทีถูกวางไว้ให้นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ที่ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการพาณิชย์ ล่าสุดมีการปรับมาเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ คนที่มีแนวโน้มเข้ามาคือนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา ส่วนของพรรค รทสช. มีแนวโน้มปรับเอานายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ ออก แล้วให้นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ โยกไปนั่งเป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุขไฟเขียวประชามติ รธน. ๓ รอบนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวภายหลังหารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลถึงการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จะทำประชามติ ๓ ครั้ง นำเรื่องเข้าที่ประชุม คณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๓ เม.ย. หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลดูกันแล้วน่าจะรอบคอบที่สุด เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายออกมาต้านอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย นายชูศักดิ์ตอบว่า มันต้องเดินไปแบบนี้ เราพยายามแล้วด้วยมติรัฐสภาร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่ศาลไม่รับวินิจฉัย เราพยายามแล้วที่จะทำประชามติเหลือ ๒ ครั้ง แต่ทำไม่ได้ไม่รู้จะทำอย่างไร รอบคอบที่สุดคือทำประชามติ ๓ ครั้ง เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะจบภายในรัฐบาลนี้ นายชูศักดิ์ตอบว่า ต้องจบ อยากทำให้จบ เมื่อถามว่าจะทำประชามติได้ครั้งแรกในเดือน สิงหาคมใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า ประมาณนั้น ตั้งธงคำถามไม่แตะหมวด ๑-๒นายนิกร จำนง โฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกล่าวว่า ทุกพรรคเห็นไปในทางเดียวกันคือทำประชามติ ๓ ครั้ง คำถามคือจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่แก้ไขหมวด ๑ และหมวด ๒ หรือไม่ ตามนโยบายรัฐบาลและจะไม่รอกฎหมายประชามติ ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้นายชูศักดิ์ไปเร่งรัดแก้ไขกฎหมายประชามติ ทำครั้งแรกอาจมีค่าใช้จ่าย แต่ครั้งต่อไปอาจแก้กฎหมายประชามติได้ทันครั้งที่ ๒ ในช่วงการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จะได้ทำไปคราวเดียวกัน ทั้งนี้คงมีความชัดเจนที่ประชุม คณะรัฐมนตรีพิจารณาปัดมัดมือชกยึดนโยบาย รบ.เมื่อถามว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า คำถามประชามติเป็นการมัดมือชกเกินไป นายนิกรตอบว่า รัฐบาลมีสิทธิให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล เพราะไม่ใช่คำถามประชามติโดยรัฐสภา ถึงอย่างไรก็ต้องจบ ต้องเว้นหมวด ๑ และหมวด ๒ เป็นสิทธิของ คณะรัฐมนตรีที่จะถามตามนโยบายที่ให้ไว้ต่อรัฐสภาเขียนไว้ชัดเจน ยืนยันทุกอย่างยังเดินหน้าต่อไป เราต้องเริ่มประชามติครั้งที่ ๑ แล้ว ไม่อย่างนั้นจะหาว่าเราเตะถ่วง จากที่คุยกับพรรคร่วมรัฐบาลถือว่าเป็นนโยบายร่วมกัน ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกันในนามรัฐบาล ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เป็นไปตามข้อเสนอจัดทำประชามติจำนวน ๓ ครั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยที่แก้เนื้อหาอื่นๆโดยไม่แตะหมวด ๑ หมวด ๒ เป็นเจตนารมณ์ และสัญญาที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคแถลงต่อประชาชนอยู่แล้วถือว่าเป็นไปทางเดียวกันหมด“อ้วน” ยาหอมเลือกตั้งกติกาใหม่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ กล่าวว่า ถ้า คณะรัฐมนตรีอนุมัติแนวทางประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วจะส่งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กระบวนการทั้งหมดอยู่ที่ กกต.ต้องจัดการภายใน ๙๐ วัน กกต.สามารถทำเร็วกว่านี้ได้ อยู่ที่ กกต. ถ้าไม่มีปัญหาอะไรการทำประชามติ ครั้งแรกน่าจะประมาณเดือน ส.ค. เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากประชาชนไม่เห็นด้วยที่เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอาจออกมาเคลื่อนไหว นายภูมิธรรมตอบว่า จะบอกว่าประชาชนไม่มีส่วนร่วมไม่ได้ เราเสนอความเห็นที่แตกต่างไปทั้งหมด แต่สิ่งที่เสนอไปทางฝ่ายค้านและไอลอว์เราเชิญมาร่วมแล้ว แต่ทั้ง ๒ ฝ่ายปฏิเสธ และในกระบวนการสรรหาอนุกรรมการที่มีนายนิกร จำนง เป็นประธานฯ ได้ไปคุยกับพรรคก้าวไกล ออกแบบ สอบถาม สส. และ สว. การกล่าวหาว่ามีแต่พวกตัวเอง เป็นการดูแคลนคณะกรรมการฯมากเกินไป โอกาสแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว ถ้าจะมีความเห็นอย่างไรก็ใช้บทบาทมาร่วมกัน เราตั้งใจและประกาศไว้แล้วว่าจะให้เสร็จภายใน ๔ ปีในรัฐบาลนี้ มีกฎหมายลูก และพร้อมเลือกตั้งใหม่ภายใต้กติกาใหม่“ราเมศ” สวนใครแน่ขวางแก้ รธน.ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวตอบโต้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ระบุฝ่ายค้านขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ต้องพูดให้ชัดว่าฝ่ายค้านพรรคไหนที่ขวางแก้รัฐธรรมนูญ พรรค ปชป.หลักการชัดเจนคือต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ไม่แตะหมวด ๑-๒ พรรคได้ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภาไปเมื่อสมัยประชุมสภาฯที่แล้ว ทั้งการแก้ไขมาตรา ๒๕๖ และตัดอำนาจ สว. โหวตเลือกนายกฯ รวมถึงการยื่นแก้ไขให้สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนกลับคืนมา ไม่ว่าจะสิทธิในกระบวนการยุติธรรม สิทธิผู้บริโภค สิทธิชุมชน ที่ดินทำกิน กระจายอำนาจ การป้องกันการทุจริตที่ต้องเข้มข้นมากขึ้น โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)ที่มาจากประชาชน ทำหน้าที่แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และที่สำเร็จไปแล้วคือเรื่องการแก้ระบบการเลือกตั้ง สส.แซะนิรโทษ “นายหญิง” สำคัญกว่านายราเมศกล่าวต่อว่า พรรค ปชป.อะไรที่ถูกต้องเป็นไปตามหลักการ เราพร้อมให้ความร่วมมือ แต่สิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง เราทักท้วงอย่างสร้างสรรค์ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญเชื่อว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจดำเนินการ ไม่ได้ให้ความสำคัญ เพราะขณะนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ทำอย่างไรที่จะนิรโทษกรรมให้กับนายหญิง จะได้กลับประเทศอย่างเท่ๆเหมือนนายใหญ่ รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้มากกว่าแน่นอนก.ก.จี้เปิดสภาฯถก ก.ม.ประชามตินายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่าที่ผ่านมาเกิดข้อถกเถียงเรื่องการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่าง ๒ ครั้ง และ ๓ ครั้ง ไม่ว่าจะเลือกทางไหน สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลควรร่วมมือฝ่ายค้านทำเลย คือการเปิดประชุมสภาวิสามัญเพื่อเร่งแก้ไข พระราชบัญญัติประชามติ เพราะปัจจุบันพรรค พท.และพรรค ก.ก.เห็นตรงกันว่า กฎหมายมีข้อกังวลเรื่องกติกาเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ๒ ชั้น (Double majority) ระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในคำถามทำประชามติ ถ้าสามารถเปิดสมัยประชุมวิสามัญขึ้นได้ จะได้เร่งพิจารณาแก้ไข พระราชบัญญัติทันกรอบการพิจารณาประชามติ และต้องหารือร่วมกันระหว่างวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน เพื่อเลื่อนระเบียบวาระมาเป็นลำดับต้นๆ“จักรภพ” ขอความเป็นธรรมคดีอั้งยี่ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม นำตัวนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่ หลังพบความเชื่อมโยงกับอาวุธสงครามจำนวนมากซุกในบ่อน้ำพื้นที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อปี ๒๕๖๐ มาส่งยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา ๑๐ ทั้งนี้ อัยการนัดมาฟังคำสั่งคดีในวันที่ ๒๓ พ.ค. นายจักรภพเผยว่า ทีมทนายความทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากมั่นใจในความบริสุทธิ์ในคดีนี้ เชื่อว่ามีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้เกิดคดีนี้ขึ้นมา เราเคารพกระบวนการยุติธรรม มั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ยังเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้ความเป็นธรรมและความยุติธรรมในสังคม และการเมืองได้ หากกระบวนการยุติธรรมสามารถสร้างให้ธรรมเป็นข้อยุติได้จริงก็เป็นเรื่องที่เป็นข่าวดีสำหรับทุกคนไม่เฉพาะคนในคดีนี้เท่านั้นลั่นเรื่องใหญ่ในชีวิตไม่ทิ้งการเมืองนายจักรภพกล่าวว่า ในแง่ของกระบวนการยุติธรรมเราหมายถึงทุกคน ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไทย ไม่ว่าจะเป็นนายกฯหรือผู้ประกอบอาชีพอะไรก็ตาม ถ้าเกิดเป็นคนไทยควรได้รับความเป็นธรรมเสมอภาคเท่าเทียมกันตามกฎหมาย ยังคงซึ่งความยุติธรรมสำหรับทุกคน เมื่อถามต่อว่าหากคดีเสร็จสิ้นแล้วจะเข้าสู่การเมืองเต็มตัวหรือไม่ นายจักรภพยอมรับว่ามี แต่บอกได้เลยว่าการเมืองไม่จีรัง หมายถึงลงการเมืองในภาพกว้าง เพราะแค่การลงรับสมัครเลือกตั้ง หรือการรับตำแหน่งต่างๆเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเมือง การช่วยงานพรรค ช่วยงานกลุ่มการเมืองยังเป็นสิ่งที่เราทำได้ งานการเมืองที่จะผลักประเทศไปข้างหน้าคงไม่ทิ้ง เพราะนี่คือชีวิต ระหว่างนั้นถ้าไม่มีอะไรขัดข้องอาจไปเป็นอาจารย์ หรืออาชีพสื่อมวลชน เพราะสนใจและเป็นอาชีพเก่า แต่เรื่องใหญ่จริงๆจะไม่ทิ้งการเมือง “ธนาธร” ปลุกวาระ สว.ประชาชนช่วงบ่ายที่พรรคอนาคตใหม่ (ที่ทำการเดิม) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงข่าวการเดินหน้ารณรงค์ สว.ประชาชน อย่างเป็นทางการว่า นี่คือเรื่องใหญ่ของสังคมไทย วันนี้ระบอบประยุทธ์ยังอยู่กับเราในรูปแบบของรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจะเข้าไปมีโอกาสฟื้นฟูประเทศ เราต้องการเสียง ๑ ใน ๓ หรือ ๗๐ คนจาก สว.จำนวน ๒๐๐ คน เพื่อไปแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นสำคัญนำพาประเทศไทยกลับไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยได้ สว.ยังมีบทบาทสำคัญในการเลือกองค์กรอิสระ ต้องทำให้องค์กรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมกลับมายืนอยู่บนความยุติธรรม ตั้งมั่นด้วยความเป็นธรรม จึงจะเป็นจุดเริ่มต้นฟื้นฟูประชาธิปไตยในไทย และคนไทยอยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์ได้ เราสามารถถอดสลักแก้ปมนี้ได้ หากมี สว.ประชาชน สว.ที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย หากผู้มีศักยภาพไม่ลงมือทำในเรื่องนี้ เราจะได้ สว.แบบเดิม หากเราผลักดันไม่ได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก้าวหน้าในอีก ๕ ปีคงไม่เกิดขึ้นค่าหัวฮั้วระดับจังหวัดพุ่งหลักแสนนายธนาธรกล่าวถึงกรณีมีผู้ร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. มาตรา ๔๐ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๒ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๐๗ อาจทำให้ สว.ชุดปัจจุบันอยู่รักษาการยาว หรือต้องเลื่อนการเลือก สว.ออกไปหรือไม่ว่า เป็นเรื่องกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ จะเลื่อนหรือไม่เลื่อนไม่ใช่โจทย์ของเรา ถ้าประชาชนพร้อมจะเลื่อนออกไปอีก ๑-๓ เดือนก็ว่ากันไป เมื่อถามว่าเคยระบุว่าอาจมีกลุ่มจัดตั้งที่ไม่แสดงตัว และเข้าไปโหวตให้คนของตัวเอง นายธนาธรตอบว่า ไม่รู้ข้อเท็จจริง แต่ได้รับข้อมูลจากการลงพื้นที่ต่างจังหวัด มีการนำข้อมูลมาบอกว่าเขาได้รับการชักชวน ยกตัวอย่างมีคนมาบอกว่าตอนนี้ราคาอยู่ที่ ๑.๕ หมื่นบาท เป็นค่าเหนื่อย บวก ๒,๕๐๐ บาทค่าสมัคร ถ้าไปซื้อกันในระดับจังหวัดก็เป็นหลักแสนแล้วตอนนี้ แต่ไม่สามารถยืนยันว่าเป็นข้อเท็จจริงได้ แต่เป็นข่าว และคำบอกเล่าจากคนในพื้นที่อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่