Thursday, 19 December 2024

ทิ้งทวนต้าน “ปฏิวัติ”

จะว่าทิ้งทวนก็คงไม่ผิด “บิ๊กทิน”-“สุทิน คลังแสง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีข่าวเก้าอี้ร้อนว่าจะถูกถอดออกจากตำแหน่ง เพื่อให้ไปทำงานในสภา ซึ่งความเชี่ยวชาญกว่าในฐานะ “ดาวสภา” เก่า ซึ่งมีผลงานในเชิงประจักษ์ให้เห็นมาแล้วจริงๆแล้วชื่อที่ปรากฏว่าเขาจะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหมนั้นต่างรู้สึกแปลกใจไปตามๆกันเพราะตำแหน่งนี้ที่ผ่านมาเขาจะสงวนเอาไว้ให้“ทหาร” หรือไม่ก็นายกรัฐมนตรีควบเสียเองเพราะมีความเซนซิทีฟอันเนื่องมาจากเรื่องความมั่นคงและการควบคุมดูแลกองทัพ จึงมีความเจาะจงเป็นพิเศษประเด็นที่กังวลกันก็คือฝ่ายกองทัพจะรับได้หรือไม่ และพอใจแค่ไหน หากให้นักการเมืองที่เป็นพลเรือนมาเป็นผู้บังคับบัญชาพวกเขาแต่กรณี “บิ๊กทิน” ไม่มีปัญหา ทุกอย่างราบรื่น ทหาร ๓ เหล่าทัพยินดีต้อนรับให้เกียรติเป็นอย่างดีในรอบ ๗ เดือนที่ผ่านมาไม่มีปัญหาแต่อย่างใดที่ไม่ค่อยถูกใจฝ่ายค้านก็เพียงเพราะไม่ได้ทำหน้าที่อย่างที่พวกเขาอยากให้ทำคือ การปฏิรูปอย่างเป็นธรรมไม่ใช่เอาใจอย่างที่ปรากฏบางคนถึงกับเหน็บแนมว่า เพราะกลัวจึงไม่กล้าแต่ล่าสุดเนื่องจากเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศและรัฐบาล อีกทั้งนายกรัฐมนตรีต้องการสละเก้าอี้รัฐมนตรีคลังก็เลยเบนเข็มมาควบกลาโหมแทน“บิ๊กทิน” ก็เลยต้องจำใจจำจรโดยที่ตัวเองบ่นว่ายังไม่ได้โชว์ผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อพิสูจน์ตัวเองเลยต้องฝากผลงานให้จดจำกันไว้ด้วยการเสนอ พระราชบัญญัติจัดระเบียบผ่านสภากลาโหม สาระสำคัญก็คือให้อำนาจนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของตนมีคำสั่งให้พักราชการทันที เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าข้าราชการผู้ใดที่ใช้กำลังทหารเพื่อยึดควบคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาล หรือเพื่อก่อการกบฏรวมทั้งกำหนดเงื่อนไขการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลจะกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งแต่ละระดับไว้ ๓ ประการเช่น ต้องไม่เคยมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพล หรือมีพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด การค้ามนุษย์ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อมและเสนอให้ยกเลิกศาลจังหวัดทหารด้วยสรุปก็คือการเสนอกฎหมายเพื่อสกัด “รัฐประหาร”…ว่างั้นเถอะด้วยข้อเสนอนี้ได้สร้างความฮือฮาในแวดวงการเมืองและการทหารเป็นอย่างยิ่ง บ้างก็ว่านี่เป็น “ยาแรง” อาจจะทำให้ทหารไม่พอใจ เป็นการจุดชนวนให้ทำการคิดทำปฏิวัติได้บ้างก็ว่าเป็นแนวคิดที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมเป็นการสะท้อนให้เห็นว่านักการเมืองใน “เพื่อไทย” นั้นมีแนวคิดที่ผูกติดกับการต่อต้านการทำปฏิวัติรัฐประหารอยู่ในจิตใจทว่าเรื่องนี้ในเมืองไทยนั้นไม่มีใครการันตีได้ว่าการยึดอำนาจจากปลายกระบอกปืนจะไม่เกิดขึ้นอีก ถ้ามีการสร้างเงื่อนไขให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะการโกงกินของนักการเมืองแต่อย่างน้อยก็เป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์มากกว่าทำลาย!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม