หัวหน้าพรรคก้าวไกล แนะปรับ ครม. เน้นคนเหมาะกับงาน มากกว่าหมุนเก้าอี้ตามโควตา ฝากรัฐมนตรีกลาโหม ไม่ว่าจะคนใหม่หรือเก่า เริ่มปฏิรูปกองทัพอย่างเป็นรูปธรรม วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๗ นายชัยธวัช ตุลาธน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ที่อาคารรัฐสภา ถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จริงๆ โผเยอะมาก ไม่แน่ใจว่าต้องให้ความเห็นบนพื้นฐานโผไหน แต่ตนคิดว่าไม่ว่าจะเป็นโผไหน สิ่งสำคัญที่สุดหากมีการปรับ คณะรัฐมนตรีจริง สิ่งที่ประชาชนคาดหวังนอกจากจะเห็นการปรับเพื่อให้รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าครึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่าคงต้องมุ่งเน้นบุคลากรที่ให้เหมาะสมกับงาน มากกว่าการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนเก้าอี้กันตามโควตาทางการเมือง หากออกมาเป็นแบบนั้นก็น่าจะไม่ได้ส่งผลดีต่อรัฐบาล เพราะคงทำให้ประชาชนผิดหวังเมื่อถามว่าในแง่ของความมั่นคงมีกระแสออกมาว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง จะเปลี่ยนไปควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นั้น นายชัยธวัช ระบุ ตนคิดว่าไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการหรือรัฐมนตรีช่วยว่าการ สิ่งสำคัญคือความมุ่งมั่นว่าจะสามารถเกิดการปฏิรูปกองทัพได้หรือไม่ ภายใต้สภาวะทางการเมืองเช่นนี้ แน่นอนว่าสำหรับว่าที่รัฐมนตรีช่วยก็คงมีหลายเสียง แม้กระทั่งประชาชนที่จะสนับสนุนรัฐบาลก็มีเสียงไม่เห็นด้วยและวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะถูกปรับออกจากรัฐมนตรี แล้วกลับมาช่วยงานในสภา ซึ่งอาจจะเป็นวิปรัฐบาลหรือตำแหน่งต่างๆ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มองว่าการทำงานหลังจากนี้จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า ส่วนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวบุคคล หากมีการเปลี่ยนตัว นายสุทิน จริงๆ พรรคก้าวไกลเราเห็นด้วยที่จะมีการสานต่อการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่…) พ.ศ. …. และร่าง พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่..) พ.ศ. …. ซึ่งฝ่ายค้านมีข้อเสนอและมีข้อกฎหมายของตนเองเช่นกัน โดยหวังว่า ไม่ว่ารัฐมนตรีจะเปลี่ยนหรือไม่ เราก็อยากเห็นรัฐบาลเริ่มปฏิรูปกองทัพอย่างเป็นรูปธรรมขณะเดียวกัน นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เรากำลังเข้าสู่เดือนพฤษภาคม ซึ่งเหตุการณ์สำคัญในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ที่ยังมีการเรียกร้องความยุติธรรมอยู่ เรื่องการแก้ไขธรรมนูญศาลทหารเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เพราะที่ผ่านมาการเรียกร้องการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐที่สลายการชุมนุมทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในปี ๒๕๕๓ ที่ผ่านมามีปัญหา เมื่อมีคดีที่มีผู้เสียหายไปฟ้องร้องกับศาลยุติธรรม ซึ่งศาลยุติธรรมบอกว่าไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจ เพราะบางส่วนเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร จึงให้ไปฟ้องที่ศาลทหาร แต่ศาลทหารก็ยกฟ้องไป จึงทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าหากกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารถูกกล่าวหาว่ามีส่วนทำให้ประชาชนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ศาลทหารจะสามารถให้ความยุติธรรมได้หรือไม่ ความน่าเชื่อถือของตุลาการศาลทหาร และความไม่ไว้วางใจที่จะมีการปกป้องซึ่งกันและกัน.
