“รวมไทยสร้างชาติ” ย้ำจุดยืนเดิมที่มั่นคงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องไม่แตะหมวด ๑ หมวด ๒ สถาบันพระมหากษัตริย์ ยัน การทำประชามติ ๓ ครั้ง ใช้งบฯ มาก แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยศาล รธน. และรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ ๒๔ เม.ย. ๒๕๖๗ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญและเห็นควรจัดให้มีการออกเสียงประชามติ จำนวน ๓ ครั้ง รวมถึงควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวสามารถเป็นเครื่องมือทางประชาธิปไตยที่จะช่วยส่งเสริมประชาชนแสดงเจตจำนงในเรื่องต่างๆ ได้โดยตรงนายอัครเดช กล่าวย้ำว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เห็นด้วยกับแนวทางของ คณะรัฐมนตรีทุกประการ การออกเสียงประชามติ ๓ ครั้ง แม้จะถูกติติงว่า จะใช้งบประมาณจำนวนมากก็ตาม แต่มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามเนื่องจากการทำประชามติรอบแรกศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยไว้แล้วต้องทำ ตามที่มีผู้เคยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งคำวินัยของศาลรัฐธรรมนูญจะผูกพันทุกองค์กร ส่วนครั้งที่ ๒ และครั้งที่ ๓ เป็นการทำประชามติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ดังนั้นการทำ ๓ ครั้งเป็นการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและรัฐธรรมนูญ“พรรครวมไทยสร้างชาติ ขอย้ำจุดยืนเดิมที่มั่นคงให้ไว้ตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาล หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องไม่แตะ หมวด ๑ หมวด ๒ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างเด็ดขาด พรรคได้ยืนหยัดในจุดยืนนี้มาโดยตลอดและจะยืนหยัดต่อไป ส่วนเนื้อหาอื่นจะแก้ไขอะไรบ้างก็ต้องเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เช่นเดียวกัน” โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวย้ำ
รทสช.ย้ำจุดยืน ทำประชามติ ๓ ครั้ง แก้รัฐธรรมนูญ ต้องไม่แตะ หมวด ๑ หมวด ๒
Related posts