พาณิชย์ปลดล็อกรายย่อยส่งออกข้าวเองได้ เริ่มสิ้นเดือนมกราคมนี้
พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานประชุมคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พ.ศ.2489 ครั้งที่ 1/2568 (17 ม.ค.68) มีมติแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบการขออนุญาตประกอบการค้าข้าว เพื่อทลายทุนผูกขาด เพิ่มโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยในการส่งออกเสรีข้าว ตามนโยบายของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แก่
1.ปรับเงื่อนไขการสต๊อกข้าวของผู้ส่งออก ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ (ม.ค. 68) โดย
1.1 กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ ไม่ต้องสต๊อกข้าว
1.2 ผู้ประกอบการรายย่อย ที่เป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 10 ล้านบาท ปรับลดสต๊อกข้าวจาก 500 ตัน เหลือ 100 ตัน
2.ปรับค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวประเภทผู้ส่งออกทั่วไป และผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุหีบห่อ
2.1 กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการขออนุญาต
2.2 ผู้ประกอบการรายย่อย ที่ขออนุญาตเป็นผู้ส่งออกทั่วไปบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 10 ล้านบาท ลดค่าธรรมเนียมให้จาก 50,000 บาท เหลือ 10,000 บาท สำหรับบริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 10-20 ล้านบาท เหลือ 30,000 บาท
2.3 สำหรับผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ (ส่งออก แบบมีบรรจุภัณฑ์ ไม่เกิน 12 กิโลกรัม) ลดค่าธรรมเนียมให้จากเดิม 20,000 บาท เหลือ 10,000 บาท
สำหรับการปรับลดค่าธรรมเนียม จะต้องออกเป็นกฎกระทรวง ซึ่งต้องมีการเสนอ ครม. และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาร่างกฎกระทรวง คาดว่าจะดำเนินการได้เรียบร้อยภายในเดือนมีนาคม 2568 และหลังจากนี้จะดำเนินการต่อในระยะที่ 2 และ 3 เพื่อเป้าหมายการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กสามารถผลิตและแข่งขันกับต่างประเทศได้
การปรับปรุงกฎระเบียบนี้ กรมการค้าภายใน ได้เปิดรับฟังความเห็นของผู้ประกอบการค้าข้าว ทั้งผู้ส่งออก โรงสี ทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก ภาคเกษตรกรและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งทุกฝ่ายเห็นว่าเป็นประโยชน์ช่วยลดต้นทุน และเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยสามารถส่งออกข้าวได้