Thursday, 19 December 2024

เผายาเสพติด ๘ แสนคดี ๓๔๐ ตัน นายกฯ ให้ ๑๐ ข้อ ต้องทำเร่งด่วน แก้ปัญหาใน ๑ ปี

27 Dec 2023
137

นายกฯเปิดปฏิบัติการสางปัญหายาเสพติดระยะ ๑ ปี ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลกำหนดเป็นวาระแห่งชาติสั่งจัดการตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ทั้งสกัดกั้นการลักลอบนำเข้า จับกุมยึดทรัพย์ จัดการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วยเข้ารับการบำบัด มอบนโยบาย ๑๐ ข้อ ตั้งเคพีไอลดปัญหาภายใน ๔ ปี กำชับทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งกลไกขับเคลื่อนเข้มข้นทุกระดับ “หมอชลน่าน” ร่วมพิธีเผายาเสพติดของกลาง ครั้งที่ ๕๗ น้ำหนักมากถึง ๓๔๐ ตัน กว่า ๘ แสนคดี ชี้ต่อไปต้องเผาทำลายทุก ๒ เดือน ไม่ต้องรอให้คดีจบก่อนที่ห้องประชุมแกรนด์ฮอลล์ ๒๐๑-๒๐๒ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เขตบางนา กรุงเทพฯ เมื่อเวลา ๑๓.๐๐ น. วันที่ ๒๖ ธ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง เป็นประธานพิธีเปิดปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดระยะ ๑ ปี ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. หัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมนายเศรษฐากล่าวเปิดงานว่า ปัจจุบันปัญหายาเสพติดยังคงมีความรุนแรง ประชาชนห่วงใยลูกหลานยังมีข้อกังวลจำนวนมาก ได้รับข้อร้องเรียนมาตลอดตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งจนถึงปัจจุบัน จากที่ได้ฟังเรื่องร้อนใจ เห็นแววตาของพ่อแม่ที่มีลูกหลานติดยาเป็นประสบการณ์ที่น่าเศร้าใจ อยากส่งคำอ้อนวอนของประชาชนขอให้เอาจริงเอาจัง การจัดการยาเสพติดต้องเริ่มที่แหล่งต้นตอ ลักลอบนำเข้าในหลายจังหวัดชายแดนภาคเหนือ ภาคเหนือตอนบน เคลื่อนย้ายมาตาม จ.ตาก จ.กาญจนบุรี จ.ระนอง ต้องจัดการจุดระบาดในหลายจังหวัดที่น่าเป็นห่วง ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ประเทศเพื่อนบ้านประสบปัญหาสงครามกลางเมืองภายใน การผลิตยาเสพติดเพื่อนำมาซึ่งเงินทองมาทำกิจกรรมทางการเมืองยิ่งแพร่ขยายมาก ทำให้มีการทะลักเข้ามาของยาเสพติดตามตะเข็บชายแดนมากขึ้น ส่วนปัญหาด้านจิตเวชจากการเสพยา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ๓๐ จังหวัดที่มีสถานการณ์ความรุนแรงทางด้านจิตเวชจากยาเสพติด จึงกำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ดำเนินการจริงจังและเด็ดขาดให้เร่งลดความรุนแรงจากภัยยาเสพติดอย่างจริงจัง การจับกุมและการยึดทรัพย์ผู้ค้า จัดการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย เข้ารับการบำบัดลดความรุนแรงนายกฯกล่าวต่อไปว่า ขอมอบนโยบาย ๑๐ ข้อเป็นแนวทางลดปัญหายาเสพติดดังนี้ ๑.ลดความรุนแรงจากปัญหาผู้ที่มีอาการจิตเวชจากยาเสพติด ๒.ลดจำนวนผู้เสพยาเสพติดด้วยการบำบัดรักษาและต่อยอดการแก้ไขปัญหาผู้ผ่านการบำบัดอย่างครบวงจร ๓.ดำเนินนโยบายร่วมมือกับต่างประเทศเชิงรุกและเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนให้ครอบคลุม ๔.ยกระดับการปราบปรามทำลายโครงสร้างเครือข่าย กลุ่มการค้ายาเสพติด ด้วยการตัดวงจรทางการเงินและการริบทรัพย์สิน ๕. ป้องกันยาเสพติดไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ ๖.ปลุกประชาชนให้ตื่นตัวและเข้าร่วมการแก้ไขปัญหายาเสพติด ๗.สร้างนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหายาเสพติดใหม่ๆ ๘.กำหนดเป้าหมาย และดัชนีชี้วัดความสำเร็จ หรือ KPI ลดปัญหายาเสพติดภายใน ๔ ปีตามนโยบายเชิงรุกของรัฐบาล ๙.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เป็นกำลังสำคัญแก้ไขปัญหายาเสพติด และ ๑๐.การบริหารจัดการที่เป็นเอกภาพในทุกระดับนายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ในระดับส่วนกลางให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหลายหน่วยงาน ผนึกกำลังร่วมกันประสานงานผ่านศูนย์อำนวยการป้องกันปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) จัดตั้งกลไกการอำนวยการและขับเคลื่อนในพื้นที่ในระดับจังหวัดให้มี ๕ ภาคีร่วม ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด กอ.รมน.จังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นกลไกชุดเล็กในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของจังหวัด ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ให้มีการกำกับติดตามสั่งการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ รวมถึงให้กลไกทุกระดับเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายและ KPI ในปีแรกให้ได้ จากความเอาจริงเอาจังของรัฐบาลและทุกภาคส่วน มีส่วนส่งผลให้ปัญหายาเสพติดลดความรุนแรงลงตามเป้าหมายทำให้ประชาชนมีความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย คืนลูกหลานให้สู่ครอบครัว ทำให้ผู้เสพกลายเป็นผู้ป่วย ทำให้ชุมชนปลอดจากปัญหายาเสพติด ถือเป็นเจตนารมณ์สูงสุดของรัฐบาลและประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข ร่วมพิธีเผาทำลายยาเสพติดของกลาง ครั้งที่ ๕๗ มีการ สุ่มตัวอย่างยาเสพติดของกลางก่อนเดินเครื่องเผาทำลายตามลำดับ ทั้งนี้ยาเสพติดทั้งหมดมีน้ำหนักมากถึง ๓๔๐ ตัน จาก ๘๓๖,๐๘๑ คดี มีเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) น้ำหนักมากสุดกว่า ๑๕๖,๓๙๙ กก. รองลงมา ได้แก่ ยาไอซ์ เฮโรอีน เอ็มดีเอ็มเอ โคคาอีน ไดเมทิล แอมเฟตามีน และยาเสพติดอื่นๆนพ.ชลน่าน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้ประสานความร่วมมือในการเผาทำลายยาเสพติดของกลางลอตใหญ่เพื่อเซ็ตซีโร่ยาเสพติดของกลางทั้งหมด ตามนโยบายของ รัฐบาล และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่กำหนด เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อลดและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมภายใน ๑ ปี ครั้งนี้ขนย้ายยาเสพติด ของกลางจากหน้าอาคารสำนักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข จ.นนทบุรี ไปยังบริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู เมื่อวันที่ ๒๕ ธ.ค. ภายใต้การดำเนินการอย่างเข้มงวดของคณะ ทำงานทำลายยาเสพติดของกลาง ด้านขนย้าย และด้านรักษาความปลอดภัยและทำลาย จะเผาทำลายอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือน มกราคม๖๗รมว.สาธารณสุขกล่าวต่อไปว่า การเผาทำลายยาเสพติดของกลางเป็นส่วนของการปราบปรามที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังตามที่ นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หลังจากนี้ ได้วางแผนที่จะเผาทำลายยาเสพติดในคลังทุก ๒ เดือน ตาม พระราชบัญญัติประมวลให้ใช้กฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๔ กำหนดไว้ว่า เมื่อจับได้และพิสูจน์ว่าเป็นสารเสพติด ถือเป็นของกลางที่จะถูกทำลายได้เลย ไม่ต้อง รอพิสูจน์คดีให้จบก่อน ส่วนเรื่องการบำบัดรักษาและ ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุขยังเดินหน้า อย่างต่อเนื่อง ตามนโยบาย Quick Win ด้านยาเสพติด และจิตเวช โดยการตั้งมินิธัญญารักษ์เพื่อบำบัดรักษา ให้ครบทุกจังหวัด ตามหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็น ผู้ป่วย คืนลูกสู่อ้อมกอดพ่อแม่”อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่