Thursday, 19 December 2024

วิเคราะห์การเมือง : ผู้นำต้องมีลูกเด็ดขาด

หยิกหยอกแสบๆ คันๆ นักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล-รัฐสภา ประชุมหารือตั้งฉายาให้ฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ ในช่วงปลายปี ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำกันมาทุกปีสำหรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแต่ถ้าเป็นรัฐบาลที่มาโดยรูปแบบอื่น จะต้องสุมหัวหารือกันเครียดว่าจะตั้งหรือไม่ตั้งฉายาอย่างไรก็ตาม รัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ครม. และสส. เพิ่งทำงานได้เพียง ๓ เดือนเศษ ดังนั้นปีนี้ฉายาจึงมาแบบคนละครึ่ง ไม่จัดเต็มเหมือนอย่างเคยตรวจถ้อยคำ ความหมายออกไปในแนวละมุนละม่อม ประนีประนอมแต่โดยปกติแล้วไม่ว่านักข่าวจะตั้งฉายาแรงแค่ไหน นักการเมืองธรรมชาติ หรือนักการเมืองพันธุ์แท้ ส่วนใหญ่จะออกลีลาคล้ายๆกัน เมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ไม่ทำเป็นตลกกลบเกลื่อน ก็ทำเป็นแกล้งงง ตีมึนไม่เข้าใจความหมาย ก่อนตบท้ายเป็นเรื่องเฮฮา หักมุมดีใจที่นักข่าวจำได้ คิดถึงกัน ไม่ได้เป็น รัฐมนตรีโลกลืมไม่มีใครแสดงความไม่พอใจ โชว์อารมณ์ฉุนเฉียว หัวฟัดหัวเหวี่ยงให้เสียฟอร์มtt ttทักษิณ ชินวัตรฉายารัฐบาลสื่อก็ต้องสะท้อนตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น “แกงส้มผลักรวม” พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งได้อันดับ ๑ แต่แพ้เกมตั้งรัฐบาล ถูกรวมหัวผลักออกไปเป็นฝ่ายค้านเพื่อไทยเพื่อนรักหักเหลี่ยมไปจับมือ “๒ ลุง” จัดตั้งรัฐบาลกับฝั่งอนุรักษ์นิยม ข้ามขั้วมั่วทุกสี เพื่อไทยเข้าวินเกมการเมืองทุกด้าน เป็นแกนนำรัฐบาล ได้ตำแหน่งนายกฯ และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้กลับบ้านแต่ในแง่กระแสนิยมประชาชนติดลบรุนแรง ตอนนี้กำลังเร่งหาทางทำคะแนน กู้กระแสกลับมาด้วยการปั่นผลงานแก้วิกฤติเศรษฐกิจปากท้อง หนทางเดียวที่ทำได้ และต้องทำให้สำเร็จโดยเร็วคนที่ต้องรับบทหนัก เหนื่อยกว่าใครคือ “นายกฯนิด” วิ่งวุ่นมือระวิงทั้งในและนอกประเทศ ทำงานรวดเร็ว ฉับไว ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เต็มไปด้วยความกดดันนักการเมือง ประชาชน หรือแม้แต่ตัวนายกฯเอง รู้ดีถึงที่มาที่ไปจนสามารถเป็นนายกฯวันนี้ได้เพราะใครฉะนั้นผู้สื่อข่าวทำเนียบฯเลยตั้งฉายาให้เป็น “เซลส์แมนสแตนด์ชิน”และไม่ว่ายังไงตอนนี้นายกฯเศรษฐาก็ยังคงถูกมองว่าไม่ใช่ตัวจริง เป็นแค่สแตนด์อิน ยังเห็นเงา “ชินวัตร” ทาบทับอยู่เบื้องหลัง ตราบใดที่ “นายกฯนิด” ยังไม่เด่นขึ้นมาด้วยตัวเอง หรือสร้างผลงานให้คนชื่นชอบเฉพาะตัวและแน่นอนว่ามีคำถามมากมายถึงลำดับชั้นสั่งการ และอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงหากไม่มีสิ่งนี้ จะส่งผลให้ทำงานลำบาก ในฐานะผู้นำที่โหยหาความสำเร็จ จะยิ่งกดดันหนักขึ้นไปเรื่อยๆtt ttพิพัฒน์ รัชกิจประการเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่นายกฯสั่งการไปแบบขึงขัง ขอให้ขยับเพิ่มสูงกว่าเดิม แต่ปรากฏว่านายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการแรงงาน จากพรรคภูมิใจไทย กลับรับไปดำเนินการแบบได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรสุดท้ายกรรมการไตรภาคี กระทรวงแรงงานยืนยันอัตราเดิม รัฐมนตรีค่ายน้ำเงินก็ชิลๆ ไม่ลุยหักดิบ ทั้งที่กรรมการ ๓ ฝ่าย อยู่ในมือตัวเองแล้ว ๒ ชนะเห็นๆ แค่ออกแรงนิดเดียวแต่กลับมารายงานนายกฯว่าปีนี้ขึ้นให้เป็นของขวัญปีใหม่แรงงานไม่ได้ ต้องรอไปจนถึงช่วงสงกรานต์ปีใหม่ไทย หักหน้านายกฯกันจังๆแต่กลับไม่เห็นอาการขึงขัง ไล่เฉ่งตามสไตล์ของ “นายกฯนิด” นิ่งเงียบผิดสังเกต รัฐมนตรีว่าการแรงงานก็ชี้แจงแก้ต่างไปเหมือนเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยทั้งที่ความจริงนายกฯในฐานะผู้บริหารจัดการอำนาจ ต้องมีลูกเด็ดขาดมากกว่านี้ มิฉะนั้นต่อไปสั่งงานอะไรใคร ผลลัพธ์ก็จะออกมาเป็นแบบนี้ สุดท้ายงานใหญ่ภาพรวมเสียหายหมดมือไม้ใช้ไม่ได้ ไม่มีใครช่วยเหลือ นายกฯถึงต้องลุยทำงานคนเดียว วันแมนโชว์อยู่อย่างนี้หาก “นายกฯนิด” ยังมีท่าทีเหมือนเสือกระดาษ ใครจะกริ่งเกรง ข้าราชการก็จะทำงานเช้าชามเย็นชามเหมือนเดิมอย่างล่าสุด จู่ๆก็มีการโยกอำนาจกำกับดูแลกระทรวงของรองนายกฯ ไม่ให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ย้ายงานกันดื้อๆ ทั้งที่มีความถนัด เพิ่งเป็น รัฐมนตรีว่าการยุติธรรมหมาดๆสมัยที่แล้วถ่ายโอนเอาไปให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการพลังงาน กำกับดูแลแบบค้านสายตานั่นเพราะ “สมศักดิ์” ออกมาทิ้งบอมบ์ใส่ข้าราชการกระทรวงยุติธรรม และพุ่งเป้าไปที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ขาดความรู้ความเข้าใจ เงอะงะ กลัวๆ กล้าๆ ในเรื่องการชี้แจงประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับอดีตนายกฯทักษิณสงสัยว่าอาการเงอะงะ เลี่ยงๆ มึนๆ น่าจะเป็นผลดีมากกว่าในสถานการณ์คาบลูกคาบดอก กำลังถูกจ้องจับผิด.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม