ใกล้สิ้นปี ๓๑ ธ.ค. ๒๕๖๖ เข้าสู่ปีใหม่ ๒๕๖๗ กับสถานการณ์ครอบครัวไทยเปลี่ยนแปลงไปมากมายจากในอดีต จากหนึ่งครอบครัวคนไทยมีสมาชิกพ่อแม่ลูกรวมกันประมาณ ๕-๖ คน หรือ ๑๐ คนก็เคยมีให้เห็น แต่ปัจจุบันผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์โดยเฉลี่ยแล้วจะมีลูกเพียงแค่ ๑ คนเท่านั้น กลายเป็นปัญหาระดับชาติ ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมผลักดันและส่งเสริม ”มีลูกเพื่อชาติ” ให้เป็นวาระแห่งชาติ ในยุคสังคมผู้สูงอายุ คาดว่า ๖๐ ปีข้างหน้า หรือปี ๒๖๒๖ ประชากรไทยจะลดลงเหลือเพียง ๓๓ ล้านคน จากปัจจุบัน ๖๖.๕ ล้านคนสถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น จากการระบุของ “รองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์มนสิการ กาญจนะจิตรา” รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ สถาบันวิจัยประชากรและสังคมมหาวิทยาลัยมหิดล แต่มีแนวโน้มเกิดขึ้นทั่วโลก โดยไทยจัดอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะมีอัตราการเกิดน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ ๒ ของโลก รองจากประเทศญี่ปุ่นที่กลายเป็นสังคมคนสูงอายุไปแล้ว และหากจัดเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ไทยกลายเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดน้อยที่สุดในโลกไปแล้วtt ttประชากรไทยลดลงแล้ว เด็กเกิดใหม่ค่อยๆ น้อยลงเพื่อให้เห็นภาพชัดถึงอัตราการเกิดในไทยลดน้อยลง “ศ.ด็อกเตอร์ปัทมา ว่าพัฒนวงศ์” สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อ้างถึงข้อมูลศาสตราจารย์เกียรติคุณ ด็อกเตอร์ปราโมทย์ ประสาทกุล ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยประชากรและสังคม เคยชี้ให้เห็นว่าจำนวนประชากรที่มีชื่อในทะเบียนบ้านเมื่อปลายปี ๒๕๖๒ หรือต้นปี ๒๕๖๓ อยู่ที่ ๖๖.๕ ล้านคน แต่หลังจากนั้นประชากรไทยก็ค่อยๆ ลดลง จากจำนวนเด็กเกิดใหม่ในปีๆ หนึ่ง นั้นน้อยกว่าจำนวนคนที่ตายไปทั้งหมดในปีเดียวกัน และจากการติดตามตัวเลขในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ มีจำนวนคนตายมากกว่าคนเกิดทั้ง ๒ ปี แสดงให้เห็นว่าประชากรไทยได้ลดลงแล้วจากการเปรียบเทียบกับช่วงเวลา ๓๙ ปี จากปี ๒๕๒๗ เป็นปีที่อาจนับได้ว่าสิ้นสุดประชากรรุ่นเกิดล้าน จนถึงปี ๒๕๖๕ การเกิดได้ลดลงจากประมาณ ๙ แสนคน มาอยู่ที่ประมาณ ๕ แสนคน หรือลดลงราว ๔ แสน ส่วนการตายได้เพิ่มจากประมาณ ๒ แสนคน มาอยู่ที่ประมาณ ๕ แสนคน เช่นกัน ทั้งการเกิดและการตายที่เปลี่ยนแปลงในช่วง ๓ แสนคน ใช้เวลาพอๆ กัน คือ ๓๔-๓๕ ปี แต่การลดลงของจำนวนเกิดในช่วงทศวรรษ ๒๕๖๐ เกิดขึ้นเร็วมากกว่า เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นของการตายในช่วงเวลาเดียวกัน“การเกิดได้ลดลงถึง ๒ แสน ขณะที่การตายเพิ่มขึ้น ๑ แสน ในระยะเวลาเพียง ๕ ปี ทำให้เราเห็นว่าการลดลงของประชากรไทยได้เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นในเวลาที่เร็วกว่าที่เคยคาดไว้ เมื่อกรมการปกครอง ประกาศตัวเลขประชากรในวันสิ้นปีของแต่ละปี เราพบว่า ประชากรไทยได้ลดลงตั้งแต่เมื่อปี ๒๕๖๓ เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง ๙ ปีทีเดียว”tt ttสิ้นปีคนเกิดยังไม่ลดต่ำกว่า ๕ แสน ตายไม่ทะลุ ๖ แสนเมื่อรวมกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงการเกิด ตาย ที่เร็วมากในช่วงทศวรรษ ๒๕๖๐ และเมื่อถึงสิ้นปี ๒๕๖๖ จำนวนคนเกิดก็น่าจะต่ำกว่า ๕ แสนคน ส่วนคนตายก็น่าจะทะลุ ๖ แสนคน การคาดการณ์เช่นนี้คงใช้ได้ดี หากข้อมูลหยุดอยู่ที่ปี ๒๕๖๕ แต่ปัจจุบันสำนักบริหารการทะเบียน สามารถประมวลผลและเผยแพร่ข้อมูลเป็นรายเดือน อย่างเดือน ม.ค. จนถึง ต.ค. ๒๕๖๖ หรือ ๑๐ เดือนของปี ๒๕๖๖ มีการเกิด ๔๓๓,๐๕๐ ราย หรือเฉลี่ย ๔๓,๓๐๕ รายต่อเดือน ตาย ๔๗๒,๕๔๖ ราย หรือเฉลี่ย ๔๗,๒๕๕ รายต่อเดือน“อาจประมาณได้ว่าเมื่อถึงสิ้นปี ๒๕๖๖ น่าจะมีการเกิด ๕๑๙,๖๖๐ คน ส่วนการตาย ๕๖๗,๐๕๕ คน ซึ่งประมาณโดยการคูณค่าเฉลี่ยด้วย ๑๒ หากเป็นเช่นนี้ คนเกิดในปี ๒๕๖๖ ก็ยังไม่ลดต่ำกว่า ๕ แสนคน ส่วนคนตายก็ยังไม่ทะลุ ๖ แสนคน”.tt tt
สัญญาณประชากรไทยลดลง สิ้นปี ๖๖ คนเกิดต่ำกว่า ๕ แสน ตายทะลุ ๖ แสน หรือไม่
Related posts